เบาหวานระหว่างตั้งครรภ์
เบาหวานระหว่างตั้งครรภ์
เบาหวานระหว่างตั้งครรภ์อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อทั้งแม่และทารกในครรภ์ได้ การวินิจฉัยที่ถูกต้องและได้รับการดูแลรักษาที่เหมาะสมตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ จะช่วยป้องกันการลดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงต่างๆ ได้
เบาหวานระหว่างตั้งครรภ์ มีกี่ลักษณะ?
เบาหวานกับการตั้งครรภแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ ดังนี้:
- เป็นเบาหวานอยู่แล้วก่อนจะตั้งครรภ์ (Pre-Gestational Diabetes Mellitus หรือ Pre-GDM) ซึ่งพบได้ทั้งในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 หรือชนิดที่ 2 การเป็นเบาหวานอยู่แล้วก่อนการตั้งครรภ์ จะมีความรุนแรงมากกว่า โดยตัวโรคจะมีผลต่อการสร้างอวัยวะของทารกในครรภ์ซึ่งอาจผิดปกติ และทำให้เกิดการแท้งบุตรได้ง่าย
- เกิดเบาหวานขณะกำลังตั้งครรภ์ Gestational Diabetes Mellitus หรือGDM) พบประมาณ 12.9% ของการตั้งครรภ์ทั้งหมด มักพบหลังตั้งครรภ์ได้ 24 -28 สัปดาห์ อาจทำให้ทารกตัวโต คลอดยาก ไหล่ติด และแท้งในระยะใกล้คลอด
กลุ่มเสี่ยงโอกาสเกิดเบาหวานขณะตั้งครรภ์ได้สูง:
- แม่ตั้งครรภ์ที่อายุมากกว่า 35 ปี
- มีประวัติเบาหวานในครอบครัว
- แท้งบุตรบ่อยๆ
- มีประวัติเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์มาก่อน หรือคลอดลูกหนักตั้งแต่ 4,000 กรัมขึ้นไป
- คลอดบุตรหลายคน
ผลกระทบของการเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์
ผลเสียต่อเด็ก:
- ความผิดปกติแต่กำเนิด มักพบในเด็กที่เกิดจากแม่ที่เป็นเบาหวานมาก่อน หรือเป็นเบาหวานขณะท้องอ่อนๆ ในระยะที่ทารกในครรภ์กำลังสร้างอวัยวะ เช่น ไม่มีไต โรคหัวใจผิดปกติ โรคทางสมอง ไม่มีแขนขา ซึ่งถ้าความผิดปกติมากอาจทำให้ เกิดการแท้งบุตรในที่สุด
- การแท้งบุตร เป็นผลจากภาวะน้ำตาลสูงในเลือดในแม่ ถ้าแท้งขณะตั้งครรภ์ 3 เดือนแรก มักเกิดจากความผิดปกติอย่างรุนแรงของทารก
- เด็กตัวใหญ่ น้ำหนักแรกคลอดเกิน 4,000 กรัม ทำให้คลอดยากติดไหล่ ซึ่งป้องกันโดยการผ่าตัดคลอด
- น้ำคร่ำมากผิดปกติ
- คลอดก่อนกำหนด ผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานก่อนตั้งครรภ์ มีโอกาสคลอดก่อนกำหนดประมาณ 8 เท่าของคนที่ไม่เป็นเบาหวาน อาจเนื่องจากภาวะตั้งครรภ์เป็นพิษในแม่ ภาวะเสี่ยงอื่นๆ
- เด็กคลอดออกมาแล้วมีระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ
ผลเสียต่อแม่:
- แม่มีโอกาสเป็นเบาหวานหลังคลอดประมาณ 2.6-70% โดยทั่วไปมักเกิดภาย ใน 5 ปีหลังเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตามมีโอกาสเกิดเบาหวานหลัง 10 ปีไปแล้วก็ได้
- ความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ พบได้ประมาณ 12-19.6%
- ภาวะครรภ์เป็นพิษ
- มีโอกาสตกเลือดหลังคลอด
ดูแลอย่างไรเมื่อตั้งครรภ์และมีภาวะเบาหวาน
ควรได้รับการควบคุมระดับน้ำตาลในกระแสเลือดให้ใกล้เคียงภาวะปกติมากที่สุด ส่วนวิธีการควบคุมน้ำตาลที่สำคัญ ได้แก่ การควบคุมอาหารอย่างเข้มงวด และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แต่หากการควบคุมดังกล่าวไม่ได้ผลก็จำเป็นต้องใช้ยาอินซูลินฉีดเพื่อควบคุมระดับน้ำตาล
ในการควบคุมอาหารนั้น หญิงตั้งครรภ์ควรลดอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรต (น้ำตาลหรือแป้ง) และเพิ่มอาหารจำพวกโปรตีน (เนื้อสัตว์) และผักให้มากขึ้น โดยเฉพาะผักใบเพราะมีใยอาหารและวิตามินมาก ส่วนผักพวกหัวและถั่วต่าง ๆ จะมีสารอาหารพวกคาร์โบไฮเดรต โปรตีนและพลังงานมากกว่าผักใบ ส่วนนมนั้นควรรับประทานนมสดชนิดจืดและพร่องมันเนยหรือขาดมันเนย ควรงดหรือหลีกเสี่ยงผลไม้ที่มีรสหวานจัด รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการควบคุมอาหารและการออกกำลังกายที่เหมาะสมนั้น สามารถปรึกษาขอคำแนะนำจากแพทย์ผู้ดูแลและนักโภชนาการได้ตลอดเวลาระหว่างการตั้งครรภ์
ในระหว่างการฝากครรภ์ แพทย์อาจนัดตรวจครรภ์บ่อยกว่าปกติเพื่อประเมินภาวะสุขภาพของทั้งมารดาและทารก รวมทั้งตรวจเลือดเพื่อดูระดับน้ำตาลเพื่อประเมินและปรับเปลี่ยนการรักษาให้เหมาะสม
บทความที่เกี่ยวข้อง
ไฮ-แฟมิลี่ แคร์ไลน์
บริการให้คำปรึกษาในทุกๆเรื่องที่คุณแม่กังวลใจ โดยทีมผู้เชี่ยวชาญ พยาบาล นักโภชนาการและคุณแม่ ที่พร้อมอยู่เคียงข้าง ตลอด 24 ชั่วโมง