นมแม่ดีที่สุด
เรามุ่งมั่นที่จะช่วยให้คุณเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เพราะเราเชื่อว่าการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทารก ทั้งยังให้ประโยชน์กับทารกในหลายด้าน การเตรียมตัวช่วงก่อนและระหว่างการให้นมทารกนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง คุณควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ในสัดส่วนที่สมดุล
เมื่อคุณตัดสินใจที่จะไม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ หรือเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ร่วมกับการใช้นมสูตรสำหรับทารก อาจลดประสิทธิภาพในการสร้างน้ำนมของคุณเองและทำให้การกลับมาเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อีกครั้งทำได้ยากขึ้น ดังนั้นก่อนเริ่มใช้นมสูตรสำหรับทารก คุณควรคำนึงถึงผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจและสังคมร่วมด้วย หากจำเป็นต้องใช้นมสูตรสำหรับทารก คุณควรปฏิบัติตามข้อแนะนำในการเตรียม การใช้ และการเก็บรักษา อย่างระมัดระวังเพื่อสุขภาพที่ดีของทารก
เพื่อช่วยในการตัดสินใจที่ดีที่สุดเกี่ยวกับวิธีให้อาหารทารก แนะนำปรึกษาแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพทุกครั้ง
เลือกอ่านตามหัวข้อที่ต้องการ
อาการคนท้อง 4 สัปดาห์เป็นอย่างไร?
สิ่งที่ควรทำเมื่อท้อง 4 สัปดาห์
สิ่งที่ควรระวังในช่วงท้อง 4 สัปดาห์
ทารกที่เป็นตัวอ่อน ฝังตัวเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของผนังมดลูกแล้ว และแบ่งตัวต่ออย่างไม่หยุดยั้ง รวมกันเป็นแท่งยาว ความยาวของตัวอ่อนในช่วงสัปดาห์ที่ 4 จะยาวเพียง ¼ นิ้วเท่านั้น ซึ่งจะประกอบไปด้วยเนื้อเยื่อ 3 ชนิด โดยชนิดแรกจะเจริญต่อไปเป็นผม เล็บ หูส่วนใน เลนส์ตา เป็นต้น ชนิดที่สองจะพัฒนาเป็นระบบประสาท จอตา ต่อมใต้สมอง กระดูก กล้ามเนื้อ เซลล์เลือด เซลล์น้ำเหลือง และชนิดที่สามจะพัฒนาไปเป็นปอด หลอดลม ระบบทางเดินอาหาร ตับ ตับอ่อน กระเพาะปัสสาวะ เป็นต้น
ช่วงแรกของการตั้งครรภ์เป็นขั้นตอนของการแบ่งตัวของเซลล์สมองให้มากขึ้นหรือเป็นขั้นตอนของการสร้างเนื้อสมอง ทางการแพทย์เรียกว่า Hyperplasia stage ขั้นตอนนี้จะเริ่มตั้งแต่เมื่อมีการตั้งครรภ์ไปจนถึงอายุครรภ์ได้ประมาณ 4 เดือน ซึ่งในระยะแรกนี้เซลล์สมองของทารกจะมีการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อถึงสัปดาห์ที่ 4 คุณแม่จะไม่มีประจำเดิอน จะมีอาการอ่อนเพลีย ง่วงนอน ปัสสาวะบ่อย คลื่นไส้ อาเจียน แน่นท้อง ท้องอืด คัดเต้านม อารมณ์จะผันผวนเหมือนก่อนมีประจำเดือน บางท่านอาจจะมีอาการเลือดออกเล็กน้อยเนื่องจากตัวอ่อนฝังตัวอาการต่างๆจะ เป็นมากน้อยในแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน รกจะสร้างฮอร์โมนของการตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้รังไข่หยุดการตกไข่ชั่วคราว รังไข่จะสร้างฮอร์โมนที่ช่วยหล่อเลี้ยงการตั้งครรภ์มาแทนที่ ซึ่งฮอร์โมนจากรกนี้สามารถตรวจพบได้ในเลือดหรือปัสสาวะ เพื่อพิสูจน์การตั้งครรภ์ ฮอร์โมนนี้จะทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาขึ้น มีเส้นเลือดไปเลี้ยงลูกน้อยที่กำลังเติบโตมากขึ้น และหน้าอกคุณแม่จะคัดตึงมากขึ้น เป็นสัญญาณการเปลี่ยนแปลงแรกๆที่บ่งบอกว่าคุณแม่กำลังจะมีลูกน้อยในครรภ์ อาการเหล่านี้จะหายไปเมื่อตั้งครรภ์ได้ 3 เดือน
เมื่อเข้าสู่สัปดาห์ที่ 4 ของการตั้งครรภ์ ถือเป็นช่วงเวลาที่ตัวอ่อนเริ่มฝังตัวในผนังมดลูกแล้ว
และฮอร์โมน hCG (Human Chorionic Gonadotropin) เริ่มเพิ่มขึ้น ส่งผลให้คุณแม่เริ่มมี
อาการบางอย่างที่บ่งบอกถึงการตั้งครรภ์ได้ เช่น
- มีเลือดออกกะปริบกะปรอย เกิดจากตัวอ่อนฝังตัวในเยื่อบุมดลูก ทำให้มีเลือดออกเล็กน้อย
มักไม่เกิน 1-2 วัน
- ปวดท้องคล้ายจะมีประจำเดือน เจ็บหน่วงเล็กน้อยบริเวณท้องน้อยเล็กน้อย
- เจ็บหน้าอก เต้านมคัดตึง ฮอร์โมนที่เปลี่ยนทำให้เต้านมไวต่อการสัมผัส จะรู้สึกคัดตึง หรือเจ็บหัวนม
- อารมณ์แปรปรวน อ่อนเพลีย หงุดหงิดง่าย จากระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง
- คลื่นไส้หรือเบื่ออาหาร พบได้ในบางคน
- ประจำเดือนขาด เป็นสัญญาณชัดเจน เหมาะสมในการตรวจการตั้งครรภ์ด้วยชุดทดสอบ
การดูแลตัวเองตั้งแต่เริ่มต้นตั้งครรภ์มีผลต่อพัฒนาการของทารกในครรภ์อย่างมาก โดยคุณแม่ควรเริ่มต้นทำสิ่งเหล่านี้ ตั้งแต่การเริ่มต้นการฝากครรภ์ ตรวจสุขภาพของแม่ลูก เริ่มรับประทานกรดโฟลิก เช่น ผักโขม แขนงกะหล่ำ คะน้า สับปะรด ส้ม มะละกอ ฝรั่ง ข้าวกล้อง ถั่วแดง เนื้อหมู เนื้อวัว ไก่ ปลาดุก เป็นต้น เพื่อป้องกันภาวะความผิดปกติของท่อประสาทในทารก จากนั้นควรเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ หลักเลี่ยงคาเฟอีน แอลกอฮอร์ พร้อมกับพยายามพักผ่อนให้เพียงพอและหมั่นดูแลสุขภาพออกกำลังกายสม่ำเสมอ
-ควรหลีกเลี่ยงยาโดยไม่จำเป็น และควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาทุกชนิด
-ระวังการยกของหนักหรือออกแรงมากเกินไป
-หลีกเลี่ยงสารเคมี สารระเหย หรือควันบุหรี่
-หลีกเลี่ยนงการทานอาหารที่ไม่ปลอดภัย เช่น ของหมักดอง อาหารสุกๆดิบ ๆ อาหารแปรรูป
ใช้สารปรุงแต่ง
- หมั่นสังเกตอาการผิดปกติ เช่น เลือดออกมาก ปวดท้องอย่างรุนแรง หรือมีไข้สูง
ควรรีบพบแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณของภาวะแท้งหรือการตั้งครรภ์นอกมดลูก"
การดูแลตัวเองช่วงเริ่มต้นของการตั้งครรภ์เป็นสิ่งสำคัญมาก เนื่องจากเป็นช่วงที่ตัวอ่อนกำลัง
เจริญเติบโตและฝังตัว การดูแลสุขภาพในช่วงนี้จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน
ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ได้
เมื่อประจำเดือนของคุณแม่ไม่มาตามปกติ ก็สามารถตรวจสอบการตั้งครรภ์ได้ แต่ใน 2-3วันแรกที่ประจำเดือนขาด จะตรวจเจอเพียงแค่ 20% เมื่อประจำเดือนขาดได้ 1 สัปดาห์ จะตรวจปัสสาวะพบการตั้งครรภ์ได้ 50% และจะตรวจพบการตั้งครรภ์ได้ 100% เมื่อประจำเดือนขาดไป 2 สัปดาห์ การตรวจปัสสาวะควรตรวจตอนเช้า เนื่องจากเป็นช่วงที่มีฮอร์โมนออกมาสูงสุด ฮอร์โมนที่รกสร้างขึ้นนี้จะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวทุกๆ 2-3 วัน ตลอด 10 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ
บริการให้คำปรึกษาในทุกๆเรื่องที่คุณแม่กังวลใจ โดยทีมผู้เชี่ยวชาญ พยาบาล นักโภชนาการและคุณแม่ ที่พร้อมอยู่เคียงข้าง ตลอด 24 ชั่วโมง