จะเกิดอะไรขึ้นหากจำเป็นต้องผ่าตัดคลอด
การเตรียมตัวผ่าคลอด สิ่งที่แม่ต้องรู้
การจะเตรียมตัวผ่าคลอดให้ทุกอย่างราบรื่นที่สุด ทั้งจากที่บ้านและโรงพยาบาล คุณแม่ควรทำความเข้าใจขั้นตอนการผ่าตัด และความหมายของการผ่าคลอดโดยรวมก่อน
ก่อนจะเตรียมตัวผ่าคลอด มาหาคำตอบกันก่อนว่า ทำไมต้องผ่าตัดคลอด? และผ่าคลอดหรือคลอดธรรมชาติดีกว่ากัน ถ้าแพทย์มีความเห็นว่าการคลอดด้วยวิธีธรรมชาติ จะทำให้คุณแม่หรือลูกมีความเสี่ยงมากเกินไป แพทย์จะแนะนำให้ใช้วิธีการผ่าตัดคลอด ทั้งนี้สาเหตุอาจเนื่องมาจากดังนี้ค่ะ
- ภาวะรกเกาะต่ำ ซึ่งจะขวางทางออกของลูกน้อย
- คุณแม่ตั้งครรภ์แฝดตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป
- ลูกตัวใหญ่เกินกว่าที่จะคลอดปกติ
- คุณแม่มีความดันโลหิตสูงชนิดรุนแรงหรือมีความเจ็บป่วยอื่น เช่น ครรภ์เป็นพิษ
- ลูกมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต ซึ่งแพทย์จำเป็นต้องนำเด็กออกจากครรภ์โดยเร็ว
- ท่าทางที่ไม่เหมาะสมของทารก เช่น ลูกเอาก้นลง
- มีภาวะสายสะดือย้อย คือ เมื่อสายสะดืออยู่ต่ำ ทำให้คลอดได้ยาก
- คุณแม่เป็นโรคเริมที่อวัยวะเพศ ซึ่งสามารถติดต่อสู่ลูกน้อยผ่านการคลอดทางช่องคลอด
5 วิธีเตรียมตัวผ่าคลอด
การเตรียมตัวเพื่อการผ่าคลอด มีทั้งการเตรียมจากที่บ้านและเตรียมที่โรงพยาบาลก่อนเข้าผ่าตัด ซึ่งแพทย์ควรแนะนำและจัดการให้คุณแม่เอง ซึ่งหลักๆ แล้ว สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนผ่าตัดจะอยู่ใน 5 ข้อนี้
1. ห้ามโกนขนอวัยวะเพศ ก่อนผ่าคลอด คุณแม่ไม่ควรโกนขนอวัยวะเพศออก ซึ่งอาจเสี่ยงการติดเชื้อบริเวณที่ผ่าตัด แม่ไม่ต้องเตรียมอะไรทั้งสิ้นในเรื่องนี้ เพราะถ้าจำเป็นแพทย์จัดการเองในการตัดขนออกก่อนผ่าตัดให้เอง
2. ทำความสะอาดร่างกาย เมื่อถึงกำหนดในการผ่าคลอด ก่อนไปโรงพยาบาล คุณแม่สามารถเตรียมพร้อมด้วยการอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายด้วยสบู่กำจัดแบคทีเรีย เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อหลังจากผ่าตัด
3. งดของกินก่อน 8 ชั่วโมง แม่ต้องงดน้ำ งดอาหารตามแพทย์สั่งอย่างน้อย 8 ชั่วโมงก่อนผ่าตัด และควรไปถึงโรงพยาบาลก่อนเวลาผ่าคลอดอย่างน้อย 3 ชั่วโมง เพื่อเตรียมความพร้อม
4. อย่าคิดมาก อย่าเครียด ถ้าแม่เครียด ก็อาจทำให้นอนไม่หลับได้ ควรทำจิตใจให้แจ่มใส อย่ากังวล อย่าเครียด เพราะอาจทำให้พักผ่านไม่เพียงพอ การเตรียมตัวที่ดีที่สุดก่อนผ่าคลอดคือการผักผ่อนให้เพียงพอ
5. ตรวจเลือด แพทย์อาจให้คุณแม่ตรวจเลือดก่อนการผ่าคลอด เพื่อดูระดับฮีโมโกลบินและกรุ๊ปเลือด จะได้จัดเตรียมเลือดสำรองไว้ระหว่างการผ่าตัดได้ถูกต้อง
เข้าใจขั้นตอนการผ่าตัดคลอดก่อนเตรียมตัวให้พร้อม
ก่อนผ่าคลอด ปกติแพทย์จะต้องแนะนำคุณแม่ว่าต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการผ่าคลอด และจะดีมากถ้าคุณแม่เข้าใจขั้นตอนในการผ่าตัดคลอดก่อน ซึ่งจะเริ่มจากวิสัญญีแพทย์จะซักประวัติการเจ็บป่วยและโรคประจำตัวรวมทั้งตอบคำถามต่างๆ ที่คุณแม่สงสัย แพทย์จะเจาะตัวอย่างเลือดและให้คุณลงชื่อในหนังสือแสดงความยินยอม แพทย์จะให้ยาลดกรดในกระเพาะอาหารเพื่อปรับสภาพความเป็นกรดในกระเพาะอาหารให้เป็นกลางและต่อสายน้ำเกลือเข้าหลอดเลือดดำที่แขน เพื่อที่แพทย์จะสามารถสังเกตระดับสารน้ำในร่างกาย และให้ยาแก้ปวดได้ หากจำเป็น
วิสัญญีแพทย์จะให้ยาระงับความรู้สึกเฉพาะที่ (การฉีดยาเข้าช่องเหนือช่องน้ำไขสันหลังหรือการฉีดยาเข้าช่องน้ำไขสันหลัง) และใส่สายสวนไว้ในกระเพาะปัสสาวะเพื่อระบายปัสสาวะ (ซึ่งจะทิ้งไว้ประมาณ 12-24 ชั่วโมงหลังการผ่าตัด) อาจต้องโกนขนบริเวณหัวหน่าวเพื่อเตรียมรับการผ่าตัด
การผ่าตัดคลอดทำอย่างไร
เมื่อยาชาออกฤทธิ์ แพทย์จะเริ่มลงมือผ่าตัดเปิดหน้าท้องเพื่อนำลูกน้อยออกจากถุงน้ำคร่ำสู่อ้อมอกของคุณแม่ การผ่าตัดจะเสร็จสิ้นลงอย่างรวดเร็วโดยที่คุณแม่จะรู้สึกถึงแรงกดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ขั้นตอนหลังจากลูกน้อยลืมตาดูโลกเป็นอย่างไร?
แพทย์จะนำทารกไปไว้ใน "ตู้อบ" ซึ่งเป็นเตียงที่อบอุ่นขนาดเล็ก เพื่อให้กุมารแพทย์ทำการตรวจร่างกายลูก ถ้าแพทย์พบว่าลูกของคุณแม่มีสุขภาพแข็งแรง แพทย์จะห่อตัวลูกด้วยผ้าห่มและส่งให้คุณแม่หรือคุณพ่ออุ้ม
เมื่อนำรกออกจากครรภ์จนหมดแล้ว แพทย์จะเย็บปิดมดลูกและหน้าท้องของคุณแม่ ขั้นตอนทั้งหมดนี้ใช้เวลาประมาณ 30 นาที หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะพาคุณแม่ไปห้องสังเกตอาการหลังการผ่าตัด เมื่อไม่พบความผิดปกติ จะส่งกลับไปยังหอผู้ป่วย ซึ่งจะมีการสอนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้แก่คุณด้วย
เตรียมตัวดี การฟื้นตัวจากการผ่าตัดคลอดก็จะง่ายขึ้น
ถ้าคุณแม่เตรียมตัวเองให้พร้อมตามแพทย์สั่ง ก็จะช่วยให้ทุกอย่างราบรื่นขึ้น ซึ่งจะส่งผลไปถึงการฟื้นตัวหลังการผ่าคลอดอีกด้วย ส่วนใหญ่ คุณแม่จะฟื้นตัวได้ภายใน 24 ชั่วโมง และออกจากโรงพยาบาลได้ภายใน 3-4 วัน แต่ใช้เวลาประมาณ 6 สัปดาห์ เพื่อให้รอยแผลจากการผ่าตัดคลอดหายดี ดังนั้น คุณแม่จึงอาจจะต้องมีคนคอยช่วยเหลือเพื่อที่จะได้พักผ่อนและใช้เวลาอยู่กับลูกน้อยได้อย่างเต็มที่
เตรียมตัวพักฟื้นหลังการผ่าคลอด
บทความที่เกี่ยวข้อง
ไฮ-แฟมิลี่ แคร์ไลน์
บริการให้คำปรึกษาในทุกๆเรื่องที่คุณแม่กังวลใจ โดยทีมผู้เชี่ยวชาญ พยาบาล นักโภชนาการและคุณแม่ ที่พร้อมอยู่เคียงข้าง ตลอด 24 ชั่วโมง