12 คำถามคำตอบ เพื่อแม่ยิ่งรู้ ลูกผ่าคลอดยิ่งพร้อม
จากงานวิจัยพบว่า เด็กผ่าคลอดจะมีปริมาณจุลินทรีย์สุขภาพบิฟิโดแบคทีเรียน้อยกว่าเด็กคลอด ธรรมชาติ เนื่องจากเด็กจะถูกนำออกมาจากหน้าท้องของคุณแม่โดยตรง จึงทำให้ไม่ได้รับจุลินทรีย์ สุขภาพโพรไบโอติกผ่านช่องคลอดของคุณแม่ ซึ่งการขาดจุลินทรีย์สุขภาพดังกล่าว อาจส่งผล ต่อพัฒนาการของระบบภูมิต้านทานและทำให้เด็กผ่าคลอดมีพัฒนาการของระบบภูมิต้านทานตั้งต้น ช้ากว่าเด็กที่คลอดธรรมชาติ จึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยจากการติดเชื้อ และโรคภูมิแพ้
ปัจจุบันมีงานวิจัยมากมายที่รายงานว่าเด็กผ่าคลอดมีโอกาสเป็นโรคต่างๆ เช่น โรคติดเชื้อ โรคภูมิแพ้ต่างๆ มากกว่าเด็กที่คลอดธรรมชาติ งานวิจัยในเด็ก 1.9 ล้านคน พบว่าเด็กผ่าคลอด มีความเสี่ยงต่อการมีภูมิต้านทานอ่อนแอเพิ่มขึ้นถึง 46% เสี่ยงต่อโรคหอบหืดเพิ่มขึ้นถึง 23% และเสี่ยงต่อโรคลำไส้อักเสบเรื้อรังเพิ่มขึ้นถึง 20% เมื่อเทียบกับเด็กที่คลอดธรรมชาติ งานวิจัย ล่าสุดในเด็กมากกว่า 1 ล้านคนในประเทศสวีเดน พบว่าเด็กที่ผ่าคลอดมีความเสี่ยงที่จะแพ้อาหาร เพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบกับเด็กที่คลอดธรรมชาติ
คุณแม่สามารถเร่งภูมิต้านทานตั้งต้นให้ลูกผ่าคลอดได้ค่ะ ด้วยนมแม่ เพราะในนมแม่มีองค์ประกอบ เสริมสร้างภูมิต้านทานหลายชนิด รวมทั้งจุลินทรีย์สุขภาพโพรไบโอติก และใยอาหารพรีไบโอติก ซึ่งทำงานร่วมกันแบบ “ซินไบโอติก”
เนื่องจากเด็กผ่าคลอดจะไม่ได้รับจุลินทรีย์สุขภาพโพรไบโอติกจากทางช่องคลอดแม่แบบเด็ก ที่คลอดธรรมชาติได้รับ เด็กผ่าคลอดจึงควรได้รับจุลินทรีย์สุขภาพโพรไบโอติกในปริมาณมาก เพื่อช่วยพัฒนาระบบภูมิต้านทานตั้งต้น ในนมแม่มีจุลินทรีย์สุขภาพโพรไบโอติก และใยอาหารพรีไบโอติกที่เป็นอาหารของจุลินทรีย์สุขภาพ ซึ่งทํางานร่วมกันแบบ ซินไบโอติก จะช่วยเพิ่มปริมาณจุลินทรีย์สุขภาพโพรไบโอติกในลําไส้ของเด็ก ผ่าคลอดให้มากขึ้น จึงช่วยในการพัฒนาระบบภูมิต้านทานให้มีประสิทธิภาพ เพราะเซลล์ภูมิต้านทาน กว่า 70% ของร่างกายอยู่ที่ลําไส้
นมแม่นั้นเป็นแหล่งอาหารที่เสริมภูมิต้านทานตั้งต้นให้แก่ลูกได้ดีที่สุด เพราะ “ซินไบโอติกในนมแม่” ได้รวมคุณสมบัติของจุลินทรีย์โพรไบโอติกและใยอาหารพรีไบโอติก ส่งผลให้ลูกมีสุขภาพที่ดี ไม่เจ็บป่วยง่าย แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ ในกรณีที่คุณแม่ไม่สามารถให้ลูกทานนมแม่ได้ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อเลือก “โภชนาการที่เหมาะสม” มาเสริมภูมิต้านทานตั้งต้นให้ลูก เนื่องจากเด็กผ่าคลอดต้องการ โภชนาการที่ช่วยเร่งคืนภูมิต้านทานตั้งต้นนั่นเอง
เด็กที่ผ่าคลอดทุกคนมีความเสี่ยงภูมิต้านทานตั้งต้นต่ำค่ะ เนื่องจากไม่ได้รับจุลินทรีย์สุขภาพในตอน คลอด แต่นมแม่ หรือโภชนาการที่เหมาะสม สามารถช่วยเร่งคืนภูมิต้านทานตั้งต้นได้ เพื่อให้ภูมิต้านทาน มีการ พัฒนาที่สมบูรณ์ ซึ่งจะเป็นปัจจัยพื้นฐานที่ช่วยให้ลูกน้อยมีสุขภาพที่แข็งแรง พร้อมที่จะเรียนรู้ได้ เช่นเดียวกับเด็กที่คลอดธรรมชาติค่ะ
ภูมิต้านทานตั้งต้นที่ทารกคลอดธรรมชาติได้รับจากทางช่องคลอดของแม่นั้น เป็นเพียงพื้นฐาน ในการสร้างเสริมสุขภาพที่ดีในวัยเด็กค่ะ หลังจากนั้นขึ้นอยู่กับอาหารที่เด็กรับประทาน รวมทั้ง สิ่งแวดล้อมที่เด็กสัมผัสที่จะมีผลต่อสุขภาพของเขาต่อไป
นอกจากภูมิต้านทานตั้งต้นแล้ว สุขภาพและพัฒนาการของลูกผ่าคลอดขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น พันธุกรรม สภาพแวดล้อมตั้งแต่ทารกอยู่ในครรภ์ ภาวะโภชนาการ ความแข็งแรงสมบูรณ์ของคุณแม่ ขณะตั้งครรภ์ รวมทั้งการเสริมความแข็งแรงให้กับลูกด้วยโภชนาการต่างๆ หลังคลอด เพื่อความ แข็งแรงสมบูรณ์อย่างสูงสุด จึงควรปรึกษาแพทย์ พยาบาล และนักโภชนาการ เพื่อติดตามสุขภาพ อย่างต่อเนื่องค่ะ
ภูมิต้านทานตั้งต้นที่ทารกคลอดธรรมชาติได้รับจากทางช่องคลอดของแม่นั้น เป็นเพียงพื้นฐาน ในการสร้างเสริมสุขภาพที่ดีในวัยเด็กค่ะ หลังจากนั้นขึ้นอยู่กับอาหารที่เด็กรับประทาน รวมทั้ง สิ่งแวดล้อมที่เด็กสัมผัสที่จะมีผลต่อสุขภาพของเขาต่อไป
ลําไส้ของลูกน้อยเป็นที่อยู่ของ เซลล์ภูมิต้านทาน 2 ใน 3 ของร่างกาย หรือถึง 70% ดังนั้นการมี สมดุลของจุลินทรีย์สุขภาพในลําไส้ที่ดีจึงเอื้อต่อพัฒนาการของระบบภูมิต้านทาน ไม่เพียงแต่ช่วยลด ความเสี่ยงการเกิดโรคติดเชื้อทางเดินอาหาร แต่ยังช่วยลดการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจอีกด้วย
ธรรมชาติได้สร้างให้คุณแม่ทุกท่านมีน้ำนมสําหรับลูกน้อยอยู่แล้ว ดังนั้นไม่ว่าคุณแม่จะคลอดลูกน้อย ด้วยวิธีการใด ก็จะมีน้ำนมแม่ให้ลูกน้อย อย่างแน่นอน ซึ่งโดยปกติน้ำนมแม่จะมาอย่างเต็มที่ภายใน 1-5 วัน หลังคลอด ซึ่งคุณแม่ที่ผ่าคลอด ร่างกายอาจจะเสียเลือดและอ่อนเพลียจากการผ่า ส่วนคุณแม่ที่คลอดธรรมชาติจะมีการฟื้นตัวเร็วกว่า ทําให้สามารถนำลูกน้อยมาดูดนมได้เร็วกว่า แต่ เมื่อคุณแม่ผ่าคลอดให้ลูกดูดนมแม่ให้เร็วที่สุด ดูดบ่อยๆ และถูกวิธี น้ำนมแม่ก็จะมาเร็วและเพียงพอ
เพื่อให้ลูกน้อยได้รับสารอาหารที่มีคุณค่า ช่วยสร้างภูมิต้านทาน และพัฒนาสมองได้อย่างครบถ้วน น้ำนมของคุณแม่สามารถช่วยได้ ด้วยการเพิ่มสารอาหารผ่านอาหารที่คุณแม่ทาน โดยสารอาหาร ที่ช่วยในการสร้างน้ำนมคุณภาพได้แก่ ดีเอชเอ โอเมก้า 3, 6 ซึ่งจําเป็นต่อการพัฒนาระบบประสาท สมอง และจอประสาทตาของลูก โฟเลตมีส่วนช่วยพัฒนาการทํางานของระบบประสาทให้ลูกน้อย มีมากในผักใบเขียว ธาตุเหล็ก ช่วยให้ระบบเลือดนําออกซิเจน ไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย มีมาก ในไข่แดง ตับ เครื่องในสัตว์ และวิตามินซี ช่วยบํารุงเนื้อเยื่อ ผิวพรรณ และช่วยเสริมระบบภูมิต้านทาน ให้ทำงานดีขึ้นมีมากในผลไม้ เช่น ส้ม ฝรั่ง กีวี่ มะเขือเทศ แตงโม
หากคุณแม่ผ่าคลอดมีคำถามที่อยากรู้เพิ่มเติม สามารถติดต่อ โทร. 0 2740 3333
เพื่อพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือเข้าไปเตรียมความพร้อมให้ลูกผ่าคลอดก่อนใคร ด้วยข้อมูลน่าสนใจเพิ่มเติมที่
บทความที่เกี่ยวข้อง
ไฮ-แฟมิลี่ แคร์ไลน์
บริการให้คำปรึกษาในทุกๆเรื่องที่คุณแม่กังวลใจ โดยทีมผู้เชี่ยวชาญ พยาบาล นักโภชนาการและคุณแม่ ที่พร้อมอยู่เคียงข้าง ตลอด 24 ชั่วโมง