สังเกตอาการแพ้ของลูกน้อย
จะสังเกตอาการแพ้ได้อย่างไร
ความแตกต่างระหว่างการแพ้อาหารกับอาหารไม่ย่อย หากคุณแม่กำลังสงสัยว่านมหรืออาหารบางชนิดมีผลทำให้ลูกรู้สึกไม่สบายหรือมีปฏิกิริยาแบบเฉียบพลัน คงจะรู้สึกกังวลไม่น้อย อย่างไรก็ตาม
มีหลายวิธีที่จะช่วยให้คุณแม่สามารถแยกแยะระหว่างการแพ้อาหารกับอาการอาหารไม่ย่อย และปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นว่าเร็วหรือช้าเพียงใด
อาการแพ้อาหาร
สำหรับการแพ้อาหารจะเห็นปฏิกิริยาได้ภายในเวลาไม่กี่นาทีหรืออาจจะแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น การแพ้อาหารคืออาการที่ระบบภูมิคุ้มกันเกิดความสับสน และมีปฏิกิริยากับสารก่อภูมิแพ้ในอาหาร ร่างกายจึงสร้างแอนติบอดี้ขึ้นมาต่อสู้กับสารนั้น โดยการหลั่งสารออกมาเพื่อป้องกันตัวเอง และสิ่งนั้นเองที่ทำให้เกิดอาการแพ้ เช่น การจาม อาการบวม หรือเป็นผื่น ดังนั้น หากคุณแม่สงสัยว่าลูกน้อยมีอาการแพ้ คุณแม่ควรปรึกษากุมารแพทย์ทันที
อาหารไม่ย่อย
สำหรับปัญหาอาหารไม่ย่อยจะค่อนข้างมีอาการคล้ายกับการแพ้อาหาร แต่จะใช้เวลานานสักหน่อยกว่าจะเห็นปฏิกิริยา และอาการอาหารไม่ย่อยนี้ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซึ่งอาการปั่นป่วนท้องท้องนี้ เป็นอาการหลักๆ ที่มักพบในเด็กทั่วไปเลยทีเดียว
คุณแม่จะช่วยลูกน้อยได้อย่างไร
การแพ้นมและอาหาร เริ่มจะกลายเป็นเรื่องธรรมดามากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อทารกเติบโตมาสักระยะหนึ่ง และไม่ใช่คุณเพียงลำพังที่พบเจอปัญหานี้ วิธีช่วยแก้ไขอาการแพ้เบื้องต้น อาจทำได้ด้วยการจดบันทึกว่าคุณให้ลูกรับประทานอาหารอะไรบ้างในแต่ละวัน ก็จะช่วยหาสาเหตุของอาการแพ้ได้
รวมถึงการให้ลูกกินอาหารชนิดใหม่ทุก 4 วันในช่วงการให้อาหารตามวัยสำหรับทารกและเด็กเล็ก ก็จะช่วยสังเกตปฏิกิริยาใหม่ๆ ได้ ส่วนอาการอาหารไม่ย่อยนั้นจะสังเกตได้ค่อนข้างยากกว่า แต่ไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม วิธีที่ดีที่สุดคือการพบแพทย์ ซึ่งจะช่วยวินิจฉัยปัญหาและให้คำปรึกษาเพื่อจัดการปัญหาได้อย่างถูกต้องและชัดเจน
บทความที่เกี่ยวข้อง
ไฮ-แฟมิลี่ แคร์ไลน์
บริการให้คำปรึกษาในทุกๆเรื่องที่คุณแม่กังวลใจ โดยทีมผู้เชี่ยวชาญ พยาบาล นักโภชนาการและคุณแม่ ที่พร้อมอยู่เคียงข้าง ตลอด 24 ชั่วโมง