ต้องทำอย่างไรเมื่อลูกติดเกม

​​ปัญหาการติดเกมในเด็กเล็กถึงเด็กโต ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการจากองค์การอนามัยโลกว่า ส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตได้จริง ลองมาฟังความคิดห็นของผู้เชี่ยวชาญว่ามีวิธีป้องกันและแก้ปัญหาลูกติดเกมอย่างไรบ้าง

ผลดีและผลเสียของการเล่นเกม

ของเล่นและกิจกรรมทุกอย่าง ถ้าแบ่งเวลาเล่นอย่างพอเหมาะ ก็ส่งผลดีมากกว่าผลเสีย ผลดี เช่น สมอง และสายตาไวกว่าคนอื่น การคาดคะเนระยะห่างได้ดี ฯลฯ แต่ถ้าติดเกมมากเกินไป แน่นอนว่า ผลเสียต่อสมองย่อมตามมา และอาจส่งผลเสียต่อสมองในระยะยาว เช่น การเสพติดโดปามีน การพักผ่อน เป็นต้น

โดปามีนเป็นสารสื่อสารในสมองของเราที่มีไว้ควบคุมประสบการณ์แห่งความสุข วิดีโอเกมถูกออกแบบมาเพื่อให้สมองของเราหลั่งสารโดปามีนออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อติดเกม เล่นไปนานๆ ต่อเนื่องเป็นปี คราวนี้สมองก็จะเคยชินกับการได้รับสารนี้ เหมือนการติดยาเสพติด ที่พอนานๆ จะชินชา และทำให้ต้องการใช้สารนี้มากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้รู้สึกตื่นเต้นและสนุก และถ้าไม่ได้รับ การจะส่งผลให้กลายเป็นเด็กที่เบื่อง่าย ไม่มีความอดทนใดๆ รอไม่ได้ หงุดหงิดง่าย และสมาธิสั้น กับทุกเรื่องในชีวิต ชีวิตประจำวันกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อไปซะทุกอย่าง

ลูกคุณติดเกมหรือไม่

การติดเกม คุณแม่จะสังเกตเห็นได้ว่า เด็กมักเก็บตัว คุยน้อยลง สื่อสารน้อยลง ความอดทนต่ำมาก เสียการควบคุมเวลาอย่างเหมาะสม ให้ความสำคัญกับการเล่นเกมมากกว่าทุกสิ่ง แม้แต่เวลาอาหาร กิจวัตรประจำวันต่างๆ และการเพิ่มระดับความยาวนานของการเล่นเกมอย่างต่อเนื่อง

ต้องสังเกตว่าลูกมีพฤติกรรมติดเกมนี้แบบหลายเดือนหรือยัง และเริ่มส่งผลให้เกิดปัญหากับครอบครัว เพื่อน การเข้าสังคม การศึกษา และการทำงานด้านอื่นๆ หรือไม่ ถ้าใช่ ก็ถึงเวลาที่ต้องแก้ปัญหา มาดูสาเหตุและวิธีป้องกันต่างๆ ดังนี้

สาเหตุที่ทำให้ลูกติดเกม

1. พ่อแม่คนเลี้ยงดูแบบตามใจลูกมากไป ไม่สร้างระเบียบวินัยให้ลูก รู้จักแบ่งเวลาเล่น

2. คนในครอบครัวใช้ชีวิตต่างคนต่างอยู่ วันๆ เล่นแต่มือถือ ไม่มีการพูดคุยกัน

3. เมื่อลูกร้อง หรือเวลาพ่อแม่ไม่ว่าง มักใช้มือถือ ipad ให้ลูกดูจนติดเพื่อแก้ปัญหา เพื่อตัดรำคาญ

3 วิธีป้องกันลูกติดเกม

1. ยังมีอะไรอีกมากนอกจากเกม

ลูกติดเกมเพราะบางทีก็ไม่รู้ว่ามีอะไรที่ดีกว่ามาตั้งแต่ต้น ถ้าเริ่มแรก ก่อนลูกจะรู้จักมือถือ ipad หน้าจอต่างๆ คุณให้เขารู้จักกับของเล่นอื่นๆ ที่ต้องออกแรงเล่น เช่น จักรยาน ลูกบอล กีฬาต่างๆ เครื่องดนตรี ฯลฯ และกิจกรรมนอกบ้านกับพ่อแม่ เช่น พาลูกไปเที่ยวสวนน้ำ สวนสัตว์ ชมงานศิลป เล่นบอลในสวน ปั่นจักรยานรอบหมู่บ้านเป็นประจำ บ่อยๆ เขาก็จะรับรู้ว่าชีวิตมีอะไรมากกว่าเกมอีกมาก นอกจากนั้น ก็จะทำให้เด็กมีอารมณ์ดี ร่างกายแข็งแรงแล้ว พวกเขายังได้พัฒนาทักษะด้านความคิด พอร่างกายขยับ ก็จะส่งผลดีต่อการพัฒนาสมองอีกด้วย

2. จำกัดชั่วโมงการเล่น

ไม่ว่าจะเป็นของเล่น หรือเล่นเกม เล่นมือถือ ควรสังเกตอย่าปล่อยให้ลูกเล่นนานต่อเนื่อง โดยไม่จำกัดเวลา ไม่คั่นเวลาด้วยกิจกรรมอื่นๆ การเข้าสังคม การได้คุยกับทำกิจกรรมกับพ่อแม่ พี่น้องบ้าง ทุกวันสรุปคือไม่ควรเล่นเกมนานเกิน 2-3 ชั่วโมงต่อวัน

3. ไม่ให้ลูกเล่นมือถือตั้งแต่เล็ก

คุณพ่อคณแม่ไม่มีความจำเป็นใดๆ ในการให้ลูกเล่นมือถือ ตั้งแต่ 3-5 ขวบ ยิ่งคุณให้เขาลูกรู้จักอุปกรณ์หน้าจอพวกนี้ช้าเท่าไหร่ ก็จะช่วยลดปัญหาการติดเกมในวัยเด็กและเมื่อโตขึ้นมาได้มากขึ้นเท่านั้น

Source: