สิ่งสำคัญที่ควรทราบ

นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก เราสนับสนุนคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวในช่วง 6 เดือนแรกของชีวิต จากนั้นเริ่มให้อาหารเสริมตามวัยที่ปลอดภัยอย่างเหมาะสมร่วมกับนมแม่จนครบ 2 ปี หรือนานกว่านั้น การได้รับโภชนาการที่ดีและสมดุลของมารดาในช่วงให้นมบุตรจึงมีความสำคัญยิ่ง  ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องใช้นมผสม ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพก่อนตัดสินใจ และควรปฏิบัติตามข้อแนะนำในการเตรียมและการใช้อย่างระมัดระวังเพื่อสุขภาพที่ดีของลูกรัก


โภชนาการที่ดีควบคู่กับการส่งเสริมพัฒนาการในแต่ละช่วงวัย คือ รากฐานสำคัญสำหรับการเจริญเติบโตของลูกรัก ไฮ-แฟมิลี่คลับ พร้อมเคียงข้างคุณแม่ ด้วยข้อมูลด้านโภชนาการและพัฒนาการที่เป็นประโยชน์ เพื่อสนับสนุนคุณภาพชีวิตที่ดีของทั้งคุณแม่และลูกรัก

หายใจไม่เต็มปอด: เข้าใจและรับมือได้อย่างถูกต้อง 

อาการหายใจไม่เต็มปอด (dyspnea) ทำให้รู้สึกหายใจเข้าไม่เต็มปอด 

เหนื่อยง่าย และอึดอัดหน้าอก แม้จะไม่ได้ออกแรงมาก หากไม่รู้วิธีการ

สังเกตุและวิธีดูแล อาจพลาดโรคสำคัญที่ซ่อนอยู่ บทความนี้จะอธิบาย

อาการทั่วไป สาเหตุ การวินิจฉัย และวิธีบรรเทาอาการให้เข้าใจง่าย 

เลือกอ่านตามหัวข้อที่ต้องการ

หายใจไม่เต็มปอดคืออะไร? อาการเบื้องต้นที่ไม่ควรมองข้าม

สาเหตุทั่วไปของอาการหายใจไม่เต็มปอด

ความแตกต่างระหว่างหายใจไม่เต็มปอดกับหอบเหนื่อย

โรคที่เกี่ยวข้องกับอาการหายใจไม่เต็มปอด

หายใจไม่เต็มปอดขณะนอนหลับ เกิดจากอะไร?

หายใจไม่เต็มปอดกับความเครียด มีความสัมพันธ์อย่างไร

วิธีสังเกตอาการหายใจไม่เต็มปอดที่ควรพบแพทย์ทันที

แนวทางตรวจวินิจฉัยอาการหายใจไม่เต็มปอดในโรงพยาบาล

การรักษาอาการหายใจไม่เต็มปอดด้วยวิธีแพทย์แผนปัจจุบัน

เทคนิคการหายใจลึกเพื่อบรรเทาอาการหายใจไม่เต็มปอด

ปรับพฤติกรรมและการใช้ชีวิตเพื่อลดอาการหายใจไม่เต็มปอด

หายใจไม่เต็มปอดเรื้อรัง อันตรายหรือไม่?


ตรวจสอบบทความโดย: รุ่งทิวา สุลักษณานนท์

พยาบาลศาสตรบัณฑิต การพยาบาลและการผดุงครรภ์

หายใจไม่เต็มปอด

หายใจไม่เต็มปอดคืออะไร? อาการเบื้องต้นที่ไม่ควรมองข้าม

หายใจไม่เต็มปอด คืออาการที่รู้สึกเหมือนหายใจไม่พอ อึดอัด แน่นหน้าอก 

หรือเหนื่อยง่ายแม้ไม่ได้ออกแรงมาก อาจมีเสียงหวีดหรือหอบร่วมด้วย

ควรสังเกตุจังหวะเวลาช่วงเวลาที่มีอาการ หากหายใจไม่ออกแม้พักอยู่ 

อาจจะสัมพันธ์เกี่ยวกับปัญหาหลอดลม หรือหัวใจ 

สาเหตุทั่วไปของอาการหายใจไม่เต็มปอด

โรคทางเดินหายใจ: เช่น หอบหืด ปอดอักเสบ ปอดแฟบ

โรคหัวใจ: หัวใจล้มเหลว ทำให้เลือดคั่งในปอด

ออกซิเจนต่ำ/ติดเชื้อรุนแรง: เช่น ภาวะโลหิตจาง หรือการติดเชื้อ

ภาวะอ้วนหรือพุงใหญ่: เบียดปอด ทำให้หายใจลำบาก

เครียดหรือวิตกกังวล: ทำให้หายใจเร็วและตื้น

ความแตกต่างระหว่างหายใจไม่เต็มปอดกับหอบเหนื่อย

หายใจไม่เต็มปอด: รู้สึกอึดอัด หายใจเข้าไม่สุด จังหวะหายใจสั้น ถี่ มีอาการได้แม้พักอยู่ 

หอบเหนื่อย: เหนื่อยเมื่อออกแรงมาก เช่น วิ่ง หรือขึ้นบันได หายใจเร็ว หอบ แต่ดีขึ้นเมื่อพัก 

อาจมีอาการร่วมกัน แต่หากเหนื่อยง่ายโดยไม่สัมพันธ์กับกิจกรรมให้สงสัย dyspnea มากกว่า 

โรคที่เกี่ยวข้องกับอาการหายใจไม่เต็มปอด

โรคหอบหืด (Asthma): หลอดลมหดเกร็งมีเสียงหวีด

ปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD): หลอดลมอักเสบเรื้อรัง

หัวใจล้มเหลว: เลือดไม่สูบฉีดไปยังปอดพอ

ปอดอักเสบและน้ำในปอด: มีไข้ ไอ เสมหะร่วมด้วย 

หายใจไม่เต็มปอดขณะนอนหลับ เกิดจากอะไร?

อาการ dyspnea เกิดจากการรับออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายไม่เพียงพอ ซึ่งการนอนหงายอาจทำให้ลิ้น

และเนื้อเยื่ออ่อนในลำคอหย่อนลงมาปิดกั้นทางเดินหายใจได้ง่าย โดยเฉพาะผู้ที่อาการหลอดลมตีบ 

และภาวะน้ำท่วมปอด

หายใจไม่เต็มปอดกับความเครียด มีความสัมพันธ์อย่างไร

เมื่อเครียด สมองส่งสัญญาณให้หายใจเร็วและตื้น การหายใจแบบนี้ลดการแลกเปลี่ยนแก๊สที่ปอด ทำให้รู้สึกอึดอัด ปวดหัว หรือเวียนศีรษะ ควรฝึกหายใจลึกเพื่อผ่อนคลาย 

วิธีสังเกตอาการหายใจไม่เต็มปอดที่ควรพบแพทย์ทันที

หายใจแรงหรือหายใจตื้นมาก จนพูดประโยคยาว ๆ ไม่ได้

ริมฝีปาก ปลายนิ้ว หรือผิวหนังคล้ำ จากออกซิเจนในเลือดต่ำ

เจ็บหน้าอกร้าวไปแขนหรือกราม อาจเป็นสัญญาณของโรคหัวใจ

หายใจไม่ดีขึ้นภายใน 5 นาที แม้จะพักหรือนั่งนิ่ง

ตื่นกลางดึกบ่อย เพราะรู้สึกหายใจไม่ออก หรือสะดุ้งจากการขาดอากาศ

หายใจไม่เต็มปอด

แนวทางตรวจวินิจฉัยอาการหายใจไม่เต็มปอดในโรงพยาบาล

-เอกซเรย์ปอดและหัวใจ (Chest X-ray) : ตรวจหาภาวะปอดอักเสบ น้ำในปอด หรือหัวใจโต 

-ตรวจสมรรถภาพปอด (Spirometry) : วัดปริมาตรลมหายใจ เพื่อดูการทำงานของปอด เช่น หอบหืด หรือ โรคปอด

อุดกลั้นเรื้อรัง (COPD)

 

-วัดออกซิเจนปลายนิ้ว (Pulse Oximetry) : ตรวจระดับออกซิเจนในเลือดเบื้องต้น หากต่ำอาจบ่งชี้ภาวะขาดอากาศ 

-ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) และอัลตราซาวด์หัวใจ (ECHO) : ประเมินการทำงานของหัวใจ เช่น หัวใจล้มเหลว 

หรือกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง

-ตรวจการนอนหลับ (Sleep Test / Polysomnography) : ใช้ในกรณีสงสัยภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) 

ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของ dyspnea ตอนกลางคืน 

การรักษาอาการหายใจไม่เต็มปอดด้วยวิธีแพทย์แผนปัจจุบัน

1.ยาขยายหลอดลม (Bronchodilators)

-ใช้ในผู้ป่วยโรคหอบหืด หรือ โรคปอดอุดกลั้นเรื้องรัง (COPD)

-ช่วยลดการตีบของหลอดลม ทำให้หายใจสะดวกขึ้น 

 

2.ยาขับน้ำ (Diuretics)

-ใช้ในผู้ป่วยหัวใจล้มเหลว หรือมีน้ำคั่งในปอด

-ลดภาระของหัวใจและช่วยให้ปอดทำงานดีขึ้น 2

 

3.ออกซิเจนบำบัด (Oxygen Therapy)

-สำหรับผู้ที่มีระดับออกซิเจนในเลือดต่ำ

-ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการแลกเปลี่ยนแก๊สในปอด 

 

4.การผ่าตัดหรือขยายหลอดลม (Bronchoscopy / Surgery)

-ใช้ในกรณีที่มีเนื้องอก หรือหลอดลมตีบเรื้อรัง

-ช่วยเปิดทางเดินหายใจให้โล่งขึ้น 

เทคนิคการหายใจลึกเพื่อบรรเทาอาการหายใจไม่เต็มปอด

หายใจหน้าท้อง (Diaphragmatic Breathing)

-นอนราบ วางมือบนท้อง

-สูดลมหายใจเข้าลึกให้ท้องพอง

-ค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ

-ช่วยให้ปอดขยายเต็มที่ ลดความตึงเครียด

 

หายใจแบบปากรูปตัว O (Pursed-lip Breathing)

-หายใจเข้าทางจมูก

-หายใจออกทางปาก โดยทำปากคล้ายเป่าลมผ่านหลอด

-ช่วยควบคุมการหายใจ ลดอาการหอบเหนื่อย

ปรับพฤติกรรมและการใช้ชีวิตเพื่อลดอาการหายใจไม่เต็มปอด

หากหายใจไม่อิ่ม ตอนกลางคืน วิธีแก้ ที่ได้ผลคือปรับพฤติกรรมและการใช้ชีวิต เช่นเลิกบุหรี่ / หลีกเลี่ยงควัน : ลดการระคายเคืองหลอดลมและปอด

ควบคุมน้ำหนัก : ลดแรงกดทับปอด ทำให้หายใจสะดวกขึ้น

ออกกำลังกายเบา ๆ เช่น เดิน โยคะ ช่วยเสริมสมรรถภาพปอด

จัดบ้านให้ปลอดฝุ่น : ใช้เครื่องกรองอากาศ และทำความสะอาดสม่ำเสมอ

หายใจไม่เต็มปอดเรื้อรัง อันตรายหรือไม่?

หากมีอาการเป็นต่อเนื่องนานกว่า 4–6 สัปดาห์  ไม่ควรมองข้ามเพราะเป็นอาการเรื้อรัง ซึ่งเป็น

สัญญาณเตือนที่อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายได้ ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินและวางแผนรักษา

ระยะยาว 

carelinepic_resized2

ไฮ-แฟมิลี่ แคร์ไลน์

บริการให้คำปรึกษาในทุกๆเรื่องที่คุณแม่กังวลใจ โดยทีมผู้เชี่ยวชาญ พยาบาล นักโภชนาการและคุณแม่ ที่พร้อมอยู่เคียงข้าง ตลอด 24 ชั่วโมง

x