สิ่งสำคัญที่ควรทราบ

นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก เราสนับสนุนคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวในช่วง 6 เดือนแรกของชีวิต จากนั้นเริ่มให้อาหารเสริมตามวัยที่ปลอดภัยอย่างเหมาะสมร่วมกับนมแม่จนครบ 2 ปี หรือนานกว่านั้น การได้รับโภชนาการที่ดีและสมดุลของมารดาในช่วงให้นมบุตรจึงมีความสำคัญยิ่ง  ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องใช้นมผสม ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพก่อนตัดสินใจ และควรปฏิบัติตามข้อแนะนำในการเตรียมและการใช้อย่างระมัดระวังเพื่อสุขภาพที่ดีของลูกรัก


โภชนาการที่ดีควบคู่กับการส่งเสริมพัฒนาการในแต่ละช่วงวัย คือ รากฐานสำคัญสำหรับการเจริญเติบโตของลูกรัก ไฮ-แฟมิลี่คลับ พร้อมเคียงข้างคุณแม่ ด้วยข้อมูลด้านโภชนาการและพัฒนาการที่เป็นประโยชน์ เพื่อสนับสนุนคุณภาพชีวิตที่ดีของทั้งคุณแม่และลูกรัก

ตารางฉีดวัคซีนเด็ก 2568: วัคซีนพื้นฐาน วัคซีนเสริม และแนวทางดูแลลูกน้อยให้ปลอดโรค

เลือกอ่านตามหัวข้อที่ต้องการ

ทำไมเด็กต้องฉีดวัคซีน?

ตารางฉีดวัคซีนเด็กไทย 2568 (ตามช่วงอายุ)

วัคซีนพื้นฐานที่ต้องฉีดทุกคน

วัคซีนเสริม แนะนำเพิ่มเติม

การเตรียมตัวก่อนและหลังพาลูกไปฉีดวัคซีน

ลูกมารับวัคซีนช้า ต้องทำยังไง?

เด็กต้องฉีดวัคซีนตอนไหนบ้าง

วัคซีนเด็กฟรี มีอะไรบ้าง

วัคซีน4ขวบ ฉีดช้าได้กี่วัน (ควรใส่อยู่ในคำถามที่พบบ่อย)

คำถามที่พบบ่อย

สรุป

การฉีดวัคซีนเป็นขั้นตอนสำคัญในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็ก ๆ เพื่อป้องกันโรคต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในวัยเด็ก ในปี 2568 กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดตารางฉีดวัคซีนสำหรับเด็กไทยอย่างชัดเจน ทั้งวัคซีนพื้นฐานที่จำเป็นและวัคซีนเสริมที่แนะนำเพิ่มเติม เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่สามารถดูแลสุขภาพของลูกน้อยได้อย่างเหมาะสม

 

ทำไมเด็กต้องฉีดวัคซีน?

วัคซีนช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้สร้างแอนติบอดี้เพื่อต่อสู้กับเชื้อโรค โดยเฉพาะเด็กๆที่ยังมีภูมิคุ้มกันต่ำ การฉีดวัคซีนจึงเป็นการป้องกันที่ดีจากโรคร้ายแรงหลายชนิด เช่น หัด คางทูม หัดเยอรมัน ไอกรน และโปลิโอ นอกจากนี้ยังช่วยลดการแพร่ระบาดของโรคในชุมชนและสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ที่มีประสิทธิภาพโดยมี ทั้ง 'วัคซีนหลัก' และ 'วัคซีนเสริม' รวมถึง 'วัคซีนโรคใหม่ๆ' เพื่อให้ลูกน้อยได้มีเกราะป้องกันที่แข็งแรงจนสามารถต่อสู้กับเชื้อโรคชนิดต่างๆ ได้

 

ตารางฉีดวัคซีนเด็กไทย 2568 (ตามช่วงอายุ)

การให้วัคซีนตามกำหนดเป็นสิ่งสำคัญในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันโรคต่างๆที่อาจเกิดขึ้นในเด็ก สำหรับปี 2568 กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดตารางการให้วัคซีนตามแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ดังนี้

แรกเกิด

  • วัคซีนป้องกันวัณโรค (BCG)
  • วัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบบี เข็มที่ 1 (HBV1)

อายุ 1 เดือน

  • วัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบบี เข็มที่ 2 (HBV2)

อายุ 2 เดือน

  • วัคซีนป้องกันโรคคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน-ตับอักเสบบี-ฮิบ เข็มที่ 1 (DTP-HB-Hib1)
  • วัคซีนโปลิโอชนิดฉีด เข็มที่ 1 (IPV1)
  • วัคซีนป้องกันโรคอุจจาระร่วงจากไวรัสโรต้า ครั้งที่ 1 (Rota1)

อายุ 4 เดือน

  • วัคซีนป้องกันโรคคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน-ตับอักเสบบี-ฮิบ เข็มที่ 2 (DTP-HB-Hib2)
  • วัคซีนโปลิโอชนิดฉีด เข็มที่ 2 (IPV2)
  • วัคซีนป้องกันโรคอุจจาระร่วงจากไวรัสโรต้า ครั้งที่ 2 (Rota2)

อายุ 6 เดือน

  • วัคซีนป้องกันโรคคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน-ตับอักเสบบี-ฮิบ เข็มที่ 3 (DTP-HB-Hib3)
  • วัคซีนโปลิโอชนิดรับประทาน ครั้งที่ 1 (OPV1)
  • วัคซีนป้องกันโรคอุจจาระร่วงจากไวรัสโรต้า ครั้งที่ 3 (Rota3)

อายุ 9 เดือน

  • วัคซีนป้องกันโรคหัด-คางทูม-หัดเยอรมัน ครั้งที่ 1 (MMR1)

อายุ 1 ปี

  • วัคซีนป้องกันโรคไข้สมองอักเสบเจอีชนิดเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์ ครั้งที่ 1 (LAJE1)

อายุ 1 ปี 6 เดือน

  • วัคซีนป้องกันโรคคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน ครั้งที่ 4 (DTP4)
  • วัคซีนโปลิโอชนิดรับประทาน ครั้งที่ 2 (OPV2)
  • วัคซีนป้องกันโรคหัด-คางทูม-หัดเยอรมัน ครั้งที่ 2 (MMR2)

อายุ 2 ปี 6 เดือน

  • วัคซีนป้องกันโรคไข้สมองอักเสบเจอีชนิดเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์ ครั้งที่ 2 (LAJE2)

อายุ 4 ปี

  • วัคซีนป้องกันโรคคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน ครั้งที่ 5 (DTP5)

ประถมศึกษาปีที่ 1

  • วัคซีนรวมป้องกันโรคหัด-คางทูม-หัดเยอรมัน (MMR)
  • วัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบบี (HB)
  • วัคซีนป้องกันโรคไข้สมองอักเสบเจอีชนิดเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์ (LAJE)
  • วัคซีนป้องกันโรคโปลิโอชนิดฉีด (IPV)
  • วัคซีนรวมป้องกันโรคคอตีบ-บาดทะยัก (dT)
  • วัคซีนโปลิโอชนิดรับประทาน (OPV)
  • วัคซีนป้องกันวัณโรค (BCG)

*หมายเหตุ: ตรวจสอบประวัติและให้วัคซีนเด็กที่ยังไม่ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์​

ประถมศึกษาปีที่ 5

  • วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกจากเชื้อเอชพีวี เข็มที่ 1 (HPV1) สำหรับนักเรียนหญิง​

ประถมศึกษาปีที่ 6

  • วัคซีนรวมป้องกันโรคคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน (DTP)​
img

 

วัคซีนพื้นฐานที่ต้องฉีดทุกคน

วัคซีนพื้นฐาน หรือวัคซีนหลักเป็นวัคซีนที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดให้เด็กทุกคนต้องได้รับ เพื่อป้องกันโรคที่มีความรุนแรงและแพร่ระบาดได้ง่าย

  • แรกเกิด บีซีจี (BCG), ตับอักเสบบี (HB1)
  • 1 เดือน ตับอักเสบบี (HB2) เฉพาะรายที่เกิดจากมารดาที่เป็นพาหะของไวรัสตับอักเสบบี
  • 2 เดือน คอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน-ตับอักเสบบี (DTP-HB1)*, โปลิโอชนิดฉีด (IPV1)
  • 4 เดือน คอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน-ตับอักเสบบี (DTP-HB2)*, โปลิโอชนิดฉีด (IPV2)
  • 6 เดือน คอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน-ตับอักเสบบี (DTP-HB3)*, โปลิโอชนิดหยอด (OPV1)
  • 9-12 เดือน หัด-คางทูม-หัดเยอรมัน (MMR1)
  • 1 ปี ไข้สมองอักเสบเจอี (LAJE1)
  • 1 ปี 6 เดือน คอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน (DTP4), โปลิโอชนิดหยอด (OPV2) , หัด-คางทูม-หัดเยอรมัน (MMR2)
  • 2 ปี 6 เดือน ไข้สมองอักเสบเจอี (LAJE2)
  • 4 ปี คอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน (DTP5), โปลิโอชนิดหยอด (OPV3)
  • 11 ปี (นักเรียนหญิง ป.5): เอชพีวี (HPV1, HPV2) ห่างกันอย่างน้อย 6 เดือน
  • 12 ปี (ป.6): คอตีบ-บาดทะยัก (dT)

 

วัคซีนเสริม แนะนำเพิ่มเติม

นอกจากวัคซีนพื้นฐานแล้ว ยังมีวัคซีนเสริมที่แนะนำให้เด็กได้รับเพิ่มเติมเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน

  • วัคซีนคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน ชนิดไร้เซลล์ หรือชนิดทั้งเซลล์ (DTaP/DTwP, Tdap หรือ TdaP) ตับอักเสบบี โปลิโอ ชนิดฉีด (IPV) ฮิบ (Hip)
  • วัคซีนนิวโมคอคคัสชนิดคอนจูเกต (PVC)
  • วัคซีนมือเท้าปาก (EV71)
  • วัคซีนตับอักเสบเอ (HAV)
  • วัคซีนอีสุกอีใส (VZV) หรือวัคซีนรวม หัด-คางทูม-หัดเยอรมัน-อีสุกอีใส (MMRV)
  • วัคซีนไข้หวัดใหญ่ (Influenza)
  • วัคซีนเอซพีวี (HPV)
  • วัคซีนไข้เลือดออก (DEN)
  • วัคซีนพิษสุนัขบ้า (Rabies) ก่อนการสัมผัสโรค สำหรับเด็กกลุ่มเสี่ยง
  • วัคซีนไข้กาฬหลังแอ่น ป้องกัน การติดเชื้อไข้กาฬหลังแอ่น เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ติดเชื้อในกระแสเลือด

 

การเตรียมตัวก่อนและหลังพาลูกไปฉีดวัคซีน

การเตรียมตัวก่อนพาลูกไปฉีดวัคซีน

  • ตรวจสอบตารางวัคซีนตามวัยของลูก และนัดหมายวันเวลาที่สะดวกกับสถานพยาบาล พร้อมกับเตรียมข้อมูลประวัติสุขภาพของลูก การแพ้ยาหรืออาหาร
  • สังเกตสุขภาพลูก หากลูกมีไข้สูง หรือไม่สบายมาก ควรเลื่อนการฉีดวัคซีนออกไปก่อน
  • เตรียมใจลูกน้อย พูดคุยกับลูกด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ให้ลูกรู้ว่าจะมีการฉีดยาแต่ไม่ต้องกลัวเพราะจะมีคุณแม่ค่อยดูแลอยู่ข้างๆ เช่น “วันนี้เราจะไปฉีดวัคซีนกันนะลูก แม่จะค่อยดูแลหนูเองนะ ”
  • พกของใช้จำเป็น เช่น ผ้าเช็ดตัว, น้ำดื่ม, ขนมเบา ๆ, ของเล่นโปรดไว้เบี่ยงเบนความสนใจ
  • บันทึกสุขภาพหรือสมุดวัคซีน อย่าลืมนำติดตัวไปด้วยทุกครั้ง เพื่ออัปเดตข้อมูลวัคซีน

การดูแลหลังฉีดวัคซีน

  • สังเกตอาการ 30 นาทีแรก ควรอยู่ที่โรงพยาบาลหรือคลินิกเพื่อสังเกตอาการแพ้วัคซีน เช่น ผื่นลมพิษ หายใจลำบาก
  • ดูแลจุดที่ฉีด อาจมีรอยแดง บวม หรือตึงบริเวณที่ฉีด ควรใช้ผ้าเย็นประคบเบา ๆ
  • ให้ลูกพักผ่อนเพียงพอ หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่เหนื่อยเกินไปในวันนั้น
  • ให้ยาลดไข้เมื่อจำเป็น หากลูกมีไข้หรือไม่สบายตัว สามารถให้ยาลดไข้ตามคำแนะนำของแพทย์
  • สังเกตอาการผิดปกติ หากมีอาการรุนแรง เช่น ไข้สูง ซึม ไม่กินนม ร้องกวนผิดปกติ ควรพาไปพบแพทย์ทันที
  • บันทึกข้อมูล จดวันเวลาฉีด ชนิดของวัคซีน และผลข้างเคียง (ถ้ามี) ลงในสมุดวัคซีน

 

ลูกมารับวัคซีนช้า ต้องทำยังไง?

  • วัคซีนทุกชนิด ถ้าไม่ได้รับตามกำหนด สามารถให้ได้ทันที
  • วัคซีนที่ต้องให้มากกว่า 1 ครั้ง หากเด็กเคยได้รับวัคซีนมาบ้างแล้วและไม่มารับครั้งต่อไปตามกำหนดนัด ให้วัคซีนครั้งต่อไปนั้นได้ทันที โดยไม่ต้องเริ่มตั้นครั้งที่ 1 ใหม่
  • กรณีพบเด็กที่ได้รับวัคซีนไม่ครบถ้วนหรือล่าช้า ให้ติดตามเด็กมารับวัคซีนให้ครบตามกำหนด ภายในระยะเวลา 1 ปี จากนั้นให้วัคซีนต่อเนื่องตามกำหนดการให้วัคซีนตามปกติ ทั้งนี้ระยะห่างระหว่างโดสต้องไม่น้อยกว่าที่กำหนด

 

คำถามที่พบบ่อย

 

Q: พาลูกน้อยไปฉีดวัคซีนก่อนกำหนดได้ไหม

A: ไม่แนะนำให้พาน้องไปฉีดวัคซีนก่อนถึงวันนัด เพราะร่างกายของลูกยังอาจไม่พร้อมที่จะตอบสนองต่อวัคซีนได้เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งอาจทำให้ภูมิคุ้มกันที่สร้างขึ้นไม่แข็งแรงเท่าที่ควร แนะนำให้พาน้องมารับวัคซีนตามช่วงอายุที่แพทย์กำหนดจะดีที่สุด

 

Q: ถ้าลืมพาลูกไปฉีดวัคซีนตามนัด ทำอย่างไรดี

A: หากเลยวันนัดฉีดวัคซีนไปแล้ว ยังสามารถพาลูกมารับวัคซีนย้อนหลังได้ เพียงแจ้งคุณหมอเพื่อวางแผนปรับตารางนัดให้เหมาะสม โดยทั่วไปแล้วแพทย์จะแนะนำให้ฉีดวัคซีนให้ใกล้เคียงกับช่วงเวลาที่กำหนดมากที่สุด เพื่อให้ภูมิคุ้มกันของลูกยังทำงานได้ดี

 

Q: หลังฉีดวัคซีน ลูกมีไข้ หรือดูไม่สบายตัว ควรทำอย่างไร

A: อาการไข้เล็กน้อย ปวด บวม แดง ร้อน บริเวณที่ฉีดวัคซีน ถือเป็นปฏิกิริยาปกติของร่างกายหลังรับวัคซีน คุณพ่อคุณแม่สามารถดูแลลูกได้ด้วยการเช็ดตัวเพื่อลดไข้ ให้ดื่มน้ำเยอะ ๆ และหากคุณหมอจ่ายยาพาราเซตามอลสำหรับเด็กไว้ ก็สามารถให้ลูกกินได้ตามขนาดและเวลาที่กำหนด อาการเหล่านี้มักจะดีขึ้นใน 1-2 วัน แต่ถ้าลูกมีไข้สูงหรืออาการผิดปกติอื่น ๆ แนะนำให้พาไปพบคุณหมอเพื่อตรวจเพิ่มเติม

 

Q: วัคซีน4ขวบ ฉีดช้าได้กี่วัน

A: การฉีดวัคซีนสามารถยืดหยุ่นได้บ้าง หากพลาดการฉีดวัคซีนตามกำหนด ควรพาลูกไปพบแพทย์เพื่อประเมินและวางแผนการฉีดวัคซีนใหม่ให้เร็วที่สุด

img

 

Q: เด็กต้องฉีดวัคซีนตอนไหนบ้าง

A: พ่อแม่มือใหม่อาจจะสงสัยว่า ต้องเริ่มพาลูกไปฉีดวัคซีนได้เมื่อไหร่ คำตอบคือ เริ่มได้ตั้งแต่วันแรกที่ลูกลืมตาดูโลก เพราะวัคซีนคือเกราะป้องกันชั้นดี ที่จะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อยแข็งแรง ห่างไกลจากโรคต่าง ๆ ได้ในระยะยาว

ส่วนใหญ่แล้ววัคซีนจะผลิตจากเชื้อโรคที่อ่อนฤทธิ์ลงแล้ว ทั้งเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย ผ่านกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เมื่อฉีดเข้าไปในร่างกาย ร่างกายของเจ้าตัวเล็กจะเรียนรู้และ “จดจำ” เชื้อนั้นไว้ พอเจอของจริงเมื่อไร ก็พร้อมสู้ได้แบบไม่ต้องกังวล

โดยทั่วไป เด็ก ๆ จะได้รับวัคซีนเรื่อย ๆ จนถึงอายุประมาณ 12 ปี ตามตารางวัคซีนที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้ แถมยังฉีดฟรีที่โรงพยาบาลของรัฐด้วย คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องห่วงเลย

 

Q: วัคซีนเด็กฟรี มีอะไรบ้าง

A: ในปี 2568 กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้กำหนดให้เด็กทุกคนได้รับวัคซีนพื้นฐานฟรี

ตามแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค เพื่อป้องกันโรคต่าง ๆ

  • วัคซีนป้องกันวัณโรค (BCG)
  • วัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบบี (HBV)
  • วัคซีนป้องกันโรคคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน-ตับอักเสบบี-ฮิบ (DTP-HB-Hib)
  • วัคซีนโปลิโอ (OPV/IPV)
  • วัคซีนป้องกันโรคอุจจาระร่วงจากไวรัสโรต้า (Rota)
  • วัคซีนป้องกันโรคหัด-คางทูม-หัดเยอรมัน (MMR)
  • วัคซีนป้องกันโรคไข้สมองอักเสบเจอีชนิดเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์ (LAJE)
  • วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกจากเชื้อเอชพีวี (HPV) สำหรับนักเรียนหญิง​

 

Q: วัคซีน4ขวบ ฉีดช้าได้กี่วัน

A: การฉีดวัคซีนสามารถยืดหยุ่นได้บ้าง หากพลาดการฉีดวัคซีนตามกำหนด ควรพาลูกไปพบแพทย์เพื่อประเมินและวางแผนการฉีดวัคซีนใหม่ให้เร็วที่สุด

 

สรุป

การฉีดวัคซีนเป็นสิ่งสำคัญเพราะเป็นการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับลูก คุณพ่อคุณแม่ควรติดตาม ตารางฉีดวัคซีนเด็กปี 2568 และพาลูกไปรับวัคซีนอย่างครบถ้วน เพื่อให้ลูกน้อยมีเกราะป้องกันสุขภาพที่ดี

อ้างอิงจาก

กรมควบคุมโรค, กำหนดการให้วัคซีน

https://ddc.moph.go.th/uploads/publish/1666720250130035107.pdf

สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย, ตารางการให้วัคซีนในเด็กไทย

https://www.pidst.or.th/A1517.html

สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย, วัคซีนพื้นฐาน สำหรับเด็ก

https://www.pidst.or.th/A746.html

Med1.healthcare, การเตรียมตัวก่อนฉีดวัคซีนให้ลูกน้อย เสริมภูมิคุ้มกันให้กับลูก

https://med1.healthcare/articles/การเตรียมตัวก่อนฉีดวัคซีนให้ลูกน้อย-เสริมภูมิคุ้มกันให้กับลูก

Bangpakok3, คำแนะนำการปฏิบัติตัวหลังฉีดวัคซีนให้เด็ก

https://www.bangpakok3.com/care_blog/view/227

Sikarin, รวมคำถามยอดฮิตเมื่อต้องพาลูกน้อยมาฉีดวัคซีน

https://www.sikarin.com/health/รวมคำถามยอดฮิตเมื่อต้อ

Khonkaenram, เรื่องที่คุณแม่ควรรู้ เมื่อลูกต้องฉีดวัคซีน

https://www.khonkaenram.com/th/services/health-information/health-articles/pediatrics/vaccine-schedule#:~:text=มีไข้%20หากมีไข้,ช้อน%20ฯลฯ%20ใส่ปากลูก

Paolohospital, เด็กมีนัดฉีดวัคซีนเลื่อนได้นานแค่ไหน?

https://www.paolohospital.com/th-TH/samut/Article/Details/เด็กมีนัดฉีดวัคซีนเลื่อนได้นานแค่ไหน-

https://www.paolohospital.com/th-th/center/Article/Details/Article/%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%89%E0%B8%B5%E0%B8%94-%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%84%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%99#:~:text=%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%84%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81%20%E0%B8%96%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99,%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%84%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%A2

ภาพจาก Freepik

M25-055

carelinepic_resized2

ไฮ-แฟมิลี่ แคร์ไลน์

บริการให้คำปรึกษาในทุกๆเรื่องที่คุณแม่กังวลใจ โดยทีมผู้เชี่ยวชาญ พยาบาล นักโภชนาการและคุณแม่ ที่พร้อมอยู่เคียงข้าง ตลอด 24 ชั่วโมง

x