สิ่งสำคัญที่ควรทราบ

นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก เราสนับสนุนคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวในช่วง 6 เดือนแรกของชีวิต จากนั้นเริ่มให้อาหารเสริมตามวัยที่ปลอดภัยอย่างเหมาะสมร่วมกับนมแม่จนครบ 2 ปี หรือนานกว่านั้น การได้รับโภชนาการที่ดีและสมดุลของมารดาในช่วงให้นมบุตรจึงมีความสำคัญยิ่ง  ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องใช้นมผสม ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพก่อนตัดสินใจ และควรปฏิบัติตามข้อแนะนำในการเตรียมและการใช้อย่างระมัดระวังเพื่อสุขภาพที่ดีของลูกรัก


โภชนาการที่ดีควบคู่กับการส่งเสริมพัฒนาการในแต่ละช่วงวัย คือ รากฐานสำคัญสำหรับการเจริญเติบโตของลูกรัก ไฮ-แฟมิลี่คลับ พร้อมเคียงข้างคุณแม่ ด้วยข้อมูลด้านโภชนาการและพัฒนาการที่เป็นประโยชน์ เพื่อสนับสนุนคุณภาพชีวิตที่ดีของทั้งคุณแม่และลูกรัก

เด็กไอ: รู้จักสาเหตุ ลักษณะอาการ และวิธีดูแลที่พ่อแม่ควรรู้

เลือกอ่านตามหัวข้อที่ต้องการ

สาเหตุที่ทำให้เด็กไอ

ลักษณะของอาการไอในเด็ก 7 แบบที่พบบ่อย

วิธีดูแลเด็กเมื่อมีอาการไอ

เมื่อไรควรพาเด็กไปพบแพทย์ทันที

คำถามที่พบบ่อย

เด็กมีอาการไอควรทำอย่างไร

กินอะไรแก้ไอเด็ก

ลูกไอแบบไหนถึงจะอันตราย

สรุป

การได้ยินเสียงไอของลูกน้อยเป็นสิ่งที่พ่อแม่หลายคนอดไม่ได้ที่จะกังวล ยิ่งถ้าไอนานหลายวัน ไอจนกินข้าวหรือนอนไม่ได้ หรือมีเสียงแปลก ๆ ร่วมด้วย ยิ่งทำให้คุณพ่อคุณแม่กังวลใจและอยากทราบว่าต้องดูแลยังไง และควรพาไปหาหมอหรือยัง? จริง ๆ แล้วการไอเป็นกลไกตามธรรมชาติของร่างกายในการขับสิ่งแปลกปลอม เช่น ฝุ่น เสมหะ หรือเชื้อโรคออกจากทางเดินหายใจ แต่การไอในเด็กก็มีหลายรูปแบบ และมีหลายสาเหตุที่พ่อแม่ควรรู้ไว้เพื่อดูแลลูกได้อย่างถูกวิธี

 

สาเหตุที่ทำให้เด็กไอ

เด็กไอเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่

  • การติดเชื้อไวรัส: เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ซึ่งมักทำให้ไอมีเสมหะ น้ำมูก และบางครั้งมีไข้ร่วมด้วย
  • ภูมิแพ้: จากการได้รับฝุ่นละออง ขนสัตว์ หรืออากาศเปลี่ยนแปลง อาจทำให้ไอแห้ง หรือไอตอนกลางคืนบ่อย
  • หอบหืด: โรคระบบทางเดินหายใจที่ทำให้ลูกไอเรื้อรัง หายใจมีเสียงหวีด โดยเฉพาะเวลาวิ่งเล่นหรืออากาศเย็น
  • กรดไหลย้อน: เด็กบางคนที่ระบบย่อยอาหารยังไม่สมบูรณ์ อาจไอโดยไม่มีไข้ โดยเฉพาะตอนกลางคืนหรือตอนนอนราบ เนื่องจากกรดในกระเพาะไหลย้อนขึ้นมาที่หลอดอาหาร และไประคายเคืองเส้นประสาทบริเวณหลอดอาหารส่วนปลายกระตุ้นให้เกิดอาการไอขึ้น หรือกรดไหลย้อนลงไปในหลอดลม ทำให้เกิดภาวะหลอดลมอักเสบเรื้อรัง
  • การสำลักอาหาร: หากลูกไอทันทีหลังดื่มนมหรือกินอาหาร อาจเป็นเพราะมีอาหารหรือของเหลวไหลเข้าทางเดินหายใจ

การรู้สาเหตุเบื้องต้นจะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สามารถดูแลลูกได้เหมาะสมมากขึ้น และลดความกังวลใจได้

 

ลักษณะของอาการไอในเด็ก 7 แบบที่พบบ่อย

การฟังเสียงไอของลูกและสังเกตอาการแสดงของลูกร่วมด้วย สามารถช่วยให้เข้าใจได้ว่าอาการไอนั้นเกิดจากสาเหตุใด

  • ไอแห้ง – ไอไม่มีเสมหะ มักมาจากไวรัสหรือแพ้อากาศ ทำให้รู้สึกคันคอ ไอบ่อย ๆ โดยเฉพาะตอนกลางคืน
  • ไอมีเสมหะ – พบได้บ่อยในไข้หวัด เสียงไอจะมีน้ำเสียง "ขลุกขลัก" เสมหะเหนียว
  • ไอเสียงหวีด – เสียงดัง "หืด หืด" เวลาหายใจเข้าออก บ่งบอกถึงหลอดลมตีบ เช่น หอบหืด
  • ไอเป็นชุด ๆ แล้วหายใจแรง – ลักษณะนี้ต้องระวัง โดยเฉพาะหากมีเสียงวี้ดตามมา อาจเกี่ยวข้องกับไอกรน
  • ไอเฉพาะตอนกลางคืน – อาจเป็นผลจากภูมิแพ้ หรือกรดไหลย้อน ทำให้ลูกนอนหลับไม่สนิท
  • ไอร่วมกับหายใจลำบาก – เช่น หายใจเร็ว หรือมีรอยบุ๋มที่หน้าอก หากลูกมีอาการดังกล่าว ควรรีบพาไปหาหมอทันที
  • ไอเสียงก้องในอก – ไอแล้วเหมือนมีแรงสะท้อนจากในอก มักมาจากเสมหะที่อุดตันในทางเดินหายใจส่วนล่าง
img

 

วิธีดูแลเด็กเมื่อมีอาการไอ

ถ้าลูกมีอาการไอที่ไม่รุนแรง ไม่มีไข้สูงหรือหอบเหนื่อย สามารถดูแลเบื้องต้นที่บ้านได้ดังนี้:

  • ให้ดื่มน้ำบ่อย ๆ โดยเฉพาะน้ำอุ่น เพื่อช่วยให้คอชุ่มชื้น และละลายเสมหะ
  • ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ ช่วยให้จมูกโล่ง ลดการระคายคอจากน้ำมูกไหลลงคอ
  • หอบหืด: โรคระบบทางเดินหายใจที่ทำให้ลูกไอเรื้อรัง หายใจมีเสียงหวีด โดยเฉพาะเวลาวิ่งเล่นหรืออากาศเย็น
  • ดูแลให้ลูกพักผ่อนมาก ๆ เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัว
  • หลีกเลี่ยงสารกระตุ้น เช่น ฝุ่น ควันบุหรี่ น้ำหอม หรือกลิ่นแรงต่าง ๆ

หากลูกเริ่มซึม ไม่อยากกินข้าว หรือไอนานเกิน 5–7 วัน ควรพาไปพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติม

 

เมื่อไรควรพาเด็กไปพบแพทย์ทันที

บางครั้งอาการไอดูเหมือนจะไม่รุนแรง แต่หากมีอาการเหล่านี้ ควรรีบพาลูกไปพบแพทย์โดยไม่รอช้า:

  • ไอไม่หยุดติดต่อกันเกิน 1 สัปดาห์
  • มีไข้สูงเกิน 38.5 องศานานเกิน 3 วัน
  • หายใจหอบเหนื่อย มีเสียงหวีด หรือหน้าอกบุ๋มขณะหายใจ
  • ปฏิเสธอาหาร น้ำนม ดูดได้น้อยกว่าปกติ
  • มีเสมหะสีเขียว เหลือง หรือมีเลือดปน
  • ตัวเขียว ปากซีด หรือลูกดูอ่อนแรงผิดปกติ

 

คำถามที่พบบ่อย

 

เด็กมีอาการไอควรทำอย่างไร

ให้ลูกพักผ่อนมาก ๆ ดื่มน้ำอุ่น ล้างจมูก และเลี่ยงสภาพแวดล้อมกระตุ้น เช่น ฝุ่น ควัน ควันบุหรี่ น้ำหอม หรือกลิ่นแรงต่าง ๆ หากยังไอไม่หยุด หรือมีอาการอื่นร่วม เช่น ไข้ หอบ ควรพาไปพบแพทย์

 

กินอะไรแก้อาการไอในเด็ก

น้ำอุ่น น้ำผึ้งผสมน้ำอุ่น (เฉพาะเด็กอายุมากกว่า 1 ปีขึ้นไป) ซุปอุ่น ๆ เช่น ซุปไก่ โจ๊กนิ่มๆ และผลไม้ที่มีวิตามินซี เช่น ส้ม มะนาว ฝรั่ง ช่วยให้หายไอเร็วขึ้น

 

ลูกไอแบบไหนถึงจะอันตราย

ถ้าลูกไอแล้วหอบ หายใจแรง เหนื่อย ซึม กินอาหารน้อยลง หรือมีไข้สูงควรพบแพทย์ทันที โดยเฉพาะถ้าอาการเกิดขึ้นนานหลายวัน

 

สรุป

อาการไอในเด็กเป็นเรื่องที่พบได้บ่อยและไม่ควรมองข้าม การเข้าใจสาเหตุและลักษณะของการไอ รวมถึงวิธีการดูแลที่เหมาะสม จะช่วยให้พ่อแม่สามารถดูแลลูกได้อย่างถูกต้อง หากอาการไอไม่ดีขึ้นหรือมีอาการรุนแรงขึ้น ควรรีบพาไปพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง

อ้างอิงจาก

https://www.vibhavadi.com/th/blogs/ultrasound

https://www.synphaet.co.th/children-ramintra/การดูแลเด็ก-เมื่อมีอากา/

https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=268

https://www.samitivejhospitals.com/th/article/detail/chronic-cough-in-children

https://www.bangkokhospital.com/content/children-coughing-for-a-long-time-is-not-good

https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC6372369/

ภาพจาก Freepik

M25-083

carelinepic_resized2

ไฮ-แฟมิลี่ แคร์ไลน์

บริการให้คำปรึกษาในทุกๆเรื่องที่คุณแม่กังวลใจ โดยทีมผู้เชี่ยวชาญ พยาบาล นักโภชนาการและคุณแม่ ที่พร้อมอยู่เคียงข้าง ตลอด 24 ชั่วโมง

x