นมแม่ดีที่สุด
เรามุ่งมั่นที่จะช่วยให้คุณเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เพราะเราเชื่อว่าการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทารก ทั้งยังให้ประโยชน์กับทารกในหลายด้าน การเตรียมตัวช่วงก่อนและระหว่างการให้นมทารกนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง คุณควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ในสัดส่วนที่สมดุล
เมื่อคุณตัดสินใจที่จะไม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ หรือเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ร่วมกับการใช้นมสูตรสำหรับทารก อาจลดประสิทธิภาพในการสร้างน้ำนมของคุณเองและทำให้การกลับมาเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อีกครั้งทำได้ยากขึ้น ดังนั้นก่อนเริ่มใช้นมสูตรสำหรับทารก คุณควรคำนึงถึงผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจและสังคมร่วมด้วย หากจำเป็นต้องใช้นมสูตรสำหรับทารก คุณควรปฏิบัติตามข้อแนะนำในการเตรียม การใช้ และการเก็บรักษา อย่างระมัดระวังเพื่อสุขภาพที่ดีของทารก
เพื่อช่วยในการตัดสินใจที่ดีที่สุดเกี่ยวกับวิธีให้อาหารทารก แนะนำปรึกษาแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพทุกครั้ง
ในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะไปที่ร้านอาหารหรือสถานที่พักผ่อนใดๆ เรามักจะเห็นภาพเด็กเล็กนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ตจนชินตา ตั้งแต่ทารกไม่กี่เดือนจนถึงเด็กเล็กวัย 2-3 ขวบ ทั้งที่เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง
ทุกวันนี้ สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราทุกคนมากขึ้น การทำความเข้าใจถึงผลกระทบของอุปกรณ์เหล่านี้ต่อสมองที่กำลังพัฒนา และพฤติกรรมของเด็กจึงมีความสำคัญอย่างมาก ที่จะช่วยให้พ่อแม่ตระหนักถึงปัญหา และสร้างระเบียบวินัยให้ลูกในการอยู่หน้าจอและการเปิดรับสื่อดิจิทัลต่างๆ ก่อนจะส่งผลเสียต่อพัฒนาการทางสมอง และพฤติกรรมของลูก [1]
สมองของเด็กมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วในช่วงปีแรกๆ โดยสร้างการเชื่อมต่อของเส้นประสาทที่กำหนดความสามารถทางปัญญา พฤติกรรม และการตอบสนองทางอารมณ์
การที่เด็กใช้เวลาอยู่กับอุปกรณ์มือถือเป็นประจำ จะทำให้สมองตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นจากดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสามารถส่งผลต่อกระบวนการพัฒนาที่สำคัญ งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าการใช้เวลาหน้าจอมากเกินไปสามารถส่งผลต่อสมาธิ การควบคุมอารมณ์ และรูปแบบการพัฒนาทางปัญญา [1]
หนึ่งในผลกระทบที่เห็นได้ชัดก็คือ อิทธิพลต่อพฤติกรรมและการควบคุมอารมณ์ของเด็ก งานวิจัยแสดงความสัมพันธ์โดยตรงระหว่างการใช้หน้าจอที่เพิ่มขึ้นและการเกิดอารมณ์โกรธหรือโมโหที่พบบ่อยขึ้นในเด็กเล็ก
เมื่อใช้อุปกรณ์มือถือเป็นเครื่องมือความบันเทิง หรือเครื่องมือที่พ่อแม่ใช้ให้ลูกสงบ ให้ลูกเงียบ เด็กจะมีปัญหาในการพัฒนาทักษะการควบคุมอารมณ์ตนเอง นอกจากนี้ การห้ามไม่ให้อยู่หน้าจออย่างกะทันหันมักทำให้เกิดปฏิกิริยาทางอารมณ์รุนแรง ซึ่งนำไปสู่ปัญหาพฤติกรรมที่ยากต่อการควบคุมมากขึ้น [2]
มีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการใช้อุปกรณ์มือถือที่สามารถก่อให้เกิดอารมณ์โกรธในเด็กได้ ดังนีั้
-เนื้อหาที่มีการกระตุ้นสูง ด้วยแสง สี เสียง สามารถสร้างผลกระทบให้กับระบบประสาทของเด็กที่กำลังพัฒนา
การเปลี่ยนจากการอยู่กับหน้าจอไปทำกิจกรรมอื่นอย่างกะทันหันอาจทำให้เด็กปรับตัวได้ยาก
-เด็กอาจมีปัญหาในการรับมือกับการต้องรอคอย เพราะการใช้โทรศัพท์มือถือ หรือการอยู่กับหน้าจอมีการตอบสนองอย่างรวดเร็วทันใจเสมอ
- การใช้เวลาหน้าจอมากเกินไปสามารถลดทักษะการเผชิญกับปัญหาในโลกความจริงของเด็กลง [2]
การเข้าใจผลกระทบเหล่านี้ไม่ได้หมายความว่าควรงดการใช้อุปกรณ์มือถือออกจากชีวิตของเด็กๆ โดยสิ้นเชิง แต่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้สร้างขอบเขตและแนวทางที่เหมาะสมตามวัย ดังนี้
1.จำกัดเวลาการใช้หน้าจอ
- หลีกเลี่ยงการใช้หน้าจอสำหรับเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 เดือน และจำกัดการใช้ไม่เกินวันละ 1 ชั่วโมงสำหรับเด็กวัย 2-5 ปี [3]
2.มีส่วนร่วมกับเนื้อหา
- รับชมร่วมกับลูก และพูดคุยเกี่ยวกับเนื้อหาที่ดู ตั้งคำถาม เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และความเข้าใจ
3.ให้ความสำคัญกับกิจกรรมในโลกจริง
- สนับสนุนการเล่นที่กระตือรือร้นและการปฏิสัมพันธ์ทางสังคมเพื่อส่งเสริมพัฒนาการทางร่างกายและสติปัญญา [2]
ผลกระทบของอุปกรณ์มือถือต่อพัฒนาการของสมองและพฤติกรรมของเด็กมีความสำคัญมาก ถ้าพ่อแม่เข้าใจผลกระทบเหล่านี้และให้การดูแลที่เหมาะสม ก็ช่วยให้เด็กพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีต่อเทคโนโลยี เพื่อสนับสนุนการพัฒนาสมอง และช่วยให้ลูกสามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้
Source:
[1] https://www.healthychildren.org/English/family-life/Media/Pages/Tips-for-Parents-Digital-Age.aspx
[3] https://answers.childrenshospital.org/screen-time-infants/
บริการให้คำปรึกษาในทุกๆเรื่องที่คุณแม่กังวลใจ โดยทีมผู้เชี่ยวชาญ พยาบาล นักโภชนาการและคุณแม่ ที่พร้อมอยู่เคียงข้าง ตลอด 24 ชั่วโมง