สิ่งสำคัญที่ควรทราบ

นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก เราสนับสนุนคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวในช่วง 6 เดือนแรกของชีวิต จากนั้นเริ่มให้อาหารเสริมตามวัยที่ปลอดภัยอย่างเหมาะสมร่วมกับนมแม่จนครบ 2 ปี หรือนานกว่านั้น การได้รับโภชนาการที่ดีและสมดุลของมารดาในช่วงให้นมบุตรจึงมีความสำคัญยิ่ง  ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องใช้นมผสม ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพก่อนตัดสินใจ และควรปฏิบัติตามข้อแนะนำในการเตรียมและการใช้อย่างระมัดระวังเพื่อสุขภาพที่ดีของลูกรัก


โภชนาการที่ดีควบคู่กับการส่งเสริมพัฒนาการในแต่ละช่วงวัย คือ รากฐานสำคัญสำหรับการเจริญเติบโตของลูกรัก ไฮ-แฟมิลี่คลับ พร้อมเคียงข้างคุณแม่ ด้วยข้อมูลด้านโภชนาการและพัฒนาการที่เป็นประโยชน์ เพื่อสนับสนุนคุณภาพชีวิตที่ดีของทั้งคุณแม่และลูกรัก

เช็กอาการใกล้คลอด รู้ทันสัญญาณเตือนเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมก่อนคลอดจริง

การเข้าสู่ช่วงใกล้คลอดคือช่วงเวลาสำคัญที่คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องให้ความใส่ใจอย่างมาก อาการใกล้คลอดมักจะปรากฏขึ้นทีละน้อย แต่สามารถบ่งบอกได้ว่าร่างกายกำลังเตรียมตัวเข้าสู่กระบวนการคลอดอย่างจริงจัง บทความนี้จะช่วยให้คุณแม่เข้าใจสัญญาณเตือนต่าง ๆ และเตรียมตัวได้อย่างมั่นใจมากขึ้น

อาการใกล้คลอด

ตรวจสอบบทความโดย: รุ่งทิวา สุลักษณานนท์

พยาบาลศาสตรบัณฑิต การพยาบาลและการผดุงครรภ์

อาการใกล้คลอดคืออะไร? แตกต่างจากอาการทั่วไปยังไง

อาการใกล้คลอด คืออาการที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายของคุณแม่เริ่มเข้าสู่ระยะเตรียมพร้อมสำหรับการคลอด โดยมักเกิดขึ้นก่อนการคลอดจริงหลายชั่วโมงหรือหลายวัน ซึ่งแตกต่างจากอาการทั่วไปของการตั้งครรภ์ เช่น ปวดหลัง หรือเหนื่อยล้า เพราะอาการใกล้คลอดจะมีลักษณะเฉพาะ เช่น การหดรัดตัวของมดลูก มีมูกเลือดหรือน้ำเดิน ปวดหลังส่วนล่างรุนแรงและปวดถี่ขึ้น มีความรู้สึกอยากเบ่ง หรือทารกเคลื่อนต่ำลง เป็นต้น

สัญญาณใกล้คลอดที่คุณแม่ควรสังเกต

เมื่อวันคลอดใกล้เข้ามา ร่างกายของคุณแม่จะเริ่มส่งสัญญาณเตือนล่วงหน้า เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการต้อนรับเจ้าตัวน้อย การรู้จักอาการเหล่านี้จะช่วยให้คุณแม่แยกแยะระหว่างอาการทั่วไปกับอาการใกล้คลอดได้อย่างแม่นยำ ลดความวิตกกังวล และวางแผนไปโรงพยาบาลได้ทันท่วงที มาดูกันว่าอาการใดบ้างที่บ่งบอกว่าใกล้ถึงเวลาได้เจอหน้าเจ้าตัวน้อยแล้ว

- การหดรัดตัวของมดลูกที่สม่ำเสมอ ห่างกันเป็นช่วง ๆ และถี่ขึ้นเรื่อย ๆ

- มีมูกเลือด เป็นมูกสีชมพูหรือมีสีแดงปน แสดงว่าปากมดลูกกำลังเริ่มเปิด

- น้ำเดิน เป็นสัญญาณชัดเจนที่ควรไปโรงพยาบาลทันที

- ปวดหน่วงเหมือนปวดประจำเดือน แต่จะต่อเนื่องและรุนแรงขึ้น

- ท้องลดต่ำลง เนื่องจากทารกเริ่มเคลื่อนตัวลงเข้าสู่อุ้งเชิงกราน

อาการใกล้คลอด

ลูกดิ้นน้อยลงใกล้คลอด เป็นเรื่องปกติไหม

ลูกดิ้นน้อยลงในช่วงใกล้คลอดอาจเกิดขึ้นได้ เพราะพื้นที่ในมดลูกแคบลง แต่ควรมีการเคลื่อนไหว หากคุณแม่รู้สึกว่าลูกนิ่งผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์ทันทีเพราะอาจเป็นสัญญาณของภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวะสายสะดือพันคอ หรือภาวะครรภ์เป็นพิษได้

ระยะเวลาตั้งแต่อาการใกล้คลอดจนถึงคลอดจริง

ระยะเวลานี้จะแตกต่างกันในแต่ละคน สำหรับคุณแม่ที่เพิ่งคลอดครั้งแรก อาการใกล้คลอดอาจคงอยู่นานหลายชั่วโมง หรือแม้แต่ 1-2 วัน ก่อนจะเข้าสู่การคลอดจริง แต่หากคุณแม่ที่เคยคลอดมาแล้ว อาการอาจเกิดเร็วขึ้นมาก ดังนั้นจึงควรต้องสังเกตุสัญญาณของร่างกายอย่างใกล้ชิด

เมื่อไหร่ควรไปโรงพยาบาล หากเริ่มมีอาการใกล้คลอด

- การหดรัดตัวทุก 5 นาที และนานเกิน 1 ชั่วโมง

- มีน้ำเดิน

- มีเลือดออกจากช่องคลอด

- ทารกไม่ดิ้น หรือดิ้นน้อยลงกะทันหัน

- ปวดเกร็งท้องหรือรู้สึกปวดเบ่งมาก

 

เมื่อเกิดอาการเหล่านี้ ควรรีบเดินทางไปโรงพยาบาลโดยเร็ว

วิธีเตรียมตัวก่อนคลอด ทั้งร่างกายและจิตใจ

- เตรียมกระเป๋าไปคลอดไว้ล่วงหน้า

- ฝึกการหายใจและผ่อนคลาย ด้วยเทคนิคการหายใจเข้า-ออกลึก ๆ

- เรียนรู้ขั้นตอนการคลอดจากคลาสคุณแม่มือใหม่

- พักผ่อนให้เพียงพอ และรับประทานอาหารที่ให้พลังงานสูง

- เตรียมแผนการคลอดร่วมกับคุณหมอ

คำแนะนำจากคุณหมอสำหรับคุณแม่ใกล้คลอด

ในช่วงใกล้คลอด คุณหมอส่วนใหญ่จะแนะนำให้คุณแม่หมั่นสังเกตุอาการสำคัญ เช่น การหดรัดตัวของมดลูก มูกเลือด น้ำเดิน หรือการดิ้นของลูกที่เปลี่ยนไป ควรไปตรวจครรภ์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เตรียมของใช้จำเป็น และวางแผนการเดินทางไปโรงพยาบาลล่วงหน้า ที่สำคัญคือควรปรึกษาแพทย์หากมีความกังวลใด ๆ เกี่ยวกับการคลอด เพราะการเตรียมความพร้อมทั้งทางร่างกายและจิตใจจะช่วยให้การคลอดเป็นไปอย่างปลอดภัยและมั่นใจมากขึ้น

อาการใกล้คลอดเป็นสัญญาณสำคัญที่บ่งบอกว่าร่างกายของคุณแม่กำลังเข้าสู่ช่วงเวลาการคลอดการรู้จักแยกสัญญาณเหล่านี้ได้อย่างถูกต้องจะช่วยให้คุณแม่มีความพร้อม ซึ่งระยะเวลาตั้งแต่อาการเริ่มต้นจนถึงคลอดจริงอาจแตกต่างกันในแต่ละคน ดังนั้นจึงควรหมั่นสังเกตุอาการและเตรียมตัวทั้งร่างกายและจิตใจให้พร้อมอยู่เสมอ ที่สำคัญควรปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมอและศึกษาข้อมูลที่เชื่อถือได้เอาไว้ จะช่วยเป็นแนวทางที่ดีในการวางแผนและรับมือกับวันสำคัญของคุณแม่ได้อย่างมั่นใจ

ภาพจาก Freepik
M25-079

carelinepic_resized2

ไฮ-แฟมิลี่ แคร์ไลน์

บริการให้คำปรึกษาในทุกๆเรื่องที่คุณแม่กังวลใจ โดยทีมผู้เชี่ยวชาญ พยาบาล นักโภชนาการและคุณแม่ ที่พร้อมอยู่เคียงข้าง ตลอด 24 ชั่วโมง

x