สิ่งสำคัญที่ควรทราบ
นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก เราสนับสนุนคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวในช่วง 6 เดือนแรกของชีวิต จากนั้นเริ่มให้อาหารเสริมตามวัยที่ปลอดภัยอย่างเหมาะสมร่วมกับนมแม่จนครบ 2 ปี หรือนานกว่านั้น การได้รับโภชนาการที่ดีและสมดุลของมารดาในช่วงให้นมบุตรจึงมีความสำคัญยิ่ง ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องใช้นมผสม ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพก่อนตัดสินใจ และควรปฏิบัติตามข้อแนะนำในการเตรียมและการใช้อย่างระมัดระวังเพื่อสุขภาพที่ดีของลูกรัก
โภชนาการที่ดีควบคู่กับการส่งเสริมพัฒนาการในแต่ละช่วงวัย คือ รากฐานสำคัญสำหรับการเจริญเติบโตของลูกรัก ไฮ-แฟมิลี่คลับ พร้อมเคียงข้างคุณแม่ ด้วยข้อมูลด้านโภชนาการและพัฒนาการที่เป็นประโยชน์ เพื่อสนับสนุนคุณภาพชีวิตที่ดีของทั้งคุณแม่และลูกรัก
หลายคนอาจเคยมีอาการไม่สบายท้องหลังดื่มนม เช่น ท้องอืด ปวดท้อง
หรือถ่ายเหลว ซึ่งอาจเป็นเพราะร่างกายไม่สามารถย่อย “แลคโตส” ในนมได้
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ "นมแลคโตสฟรี" กลายมาเป็นทางเลือกใหม่ที่ตอบโจทย์คนรักนม
แต่พอกินนมแล้ว มีอาการไม่สบายท้อง มาดูกันว่านมแลคโตสฟรีคืออะไร
เหมาะกับใครบ้าง และมีข้อดีอย่างไรค่ะ
แลคโตส (Lactose) คือ น้ำตาลธรรมชาติที่พบในนมวัวและผลิตภัณฑ์จากนมวัว
เช่น โยเกิร์ต ชีส ครีม ฯลฯ โดยทั่วไป ร่างกายของเราจะย่อยแลคโตสได้
ด้วยเอนไซม์ที่ชื่อว่า แลคเตส (Lactase) แต่สำหรับบางคน โดยเฉพาะ
ในผู้ใหญ่หรือคนเอเชีย เอนไซม์นี้จะมีปริมาณน้อยหรือทำงานได้ไม่เต็มที่
ส่งผลให้แลคโตสไม่ถูกย่อย จึงเกิดอาการไม่สบายท้อง เช่น ท้องอืด
ปวดเกร็งในช่องท้อง ท้องเสีย มีลมในท้อง ซึ่งอาการเหล่านี้เรียกรวมกันว่า
“ภาวะพร่องเอนไซม์แลคเตส” (Lactose Intolerance) ไม่ใช่การแพ้นมวัว
ส่วนคนที่แพ้นมวัว (Cow’s Milk Allergy) เกิดจากปฏิกิริยาของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายที่แพ้ต่อโปรตีนในน้ำนมวัว ซึ่งพบมากในเด็กเล็ก บางรายอาจแพ้นมวัวตั้งแต่กำเนิด โดยอาการจะแสดงออกหลายแบบ เช่น เป็นผื่นเรื้อรัง ท้องเสีย ถ่ายเป็นมูกเลือด หรือเป็นหอบหืด เป็นต้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าผู้ที่แพ้นมวัวจะมีอาการหนักกว่าผู้ที่มีภาวะพร่องเอนไซม์แลคเตส ดังนั้นผู้ที่แพ้นมวัวจึงไม่สามารถดื่มนมวัว รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมวัวทั้งหมดได้ ต่างจากผู้ที่ภาวะพร่องเอนไซม์แลคเตส ยังสามารถดื่มนมวัวแบบปราศจากแลคโตสได้ โดยไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
แลคโตส (Lactose) คือ น้ำตาลธรรมชาติที่พบในนมวัวและผลิตภัณฑ์จากนมวัว
เช่น โยเกิร์ต ชีส ครีม ฯลฯ โดยทั่วไป ร่างกายของเราจะย่อยแลคโตสได้
ด้วยเอนไซม์ที่ชื่อว่า แลคเตส (Lactase) แต่สำหรับบางคน โดยเฉพาะ
ในผู้ใหญ่หรือคนเอเชีย เอนไซม์นี้จะมีปริมาณน้อยหรือทำงานได้ไม่เต็มที่
ส่งผลให้แลคโตสไม่ถูกย่อย จึงเกิดอาการไม่สบายท้อง เช่น ท้องอืด
ปวดเกร็งในช่องท้อง ท้องเสีย มีลมในท้อง ซึ่งอาการเหล่านี้เรียกรวมกันว่า
“ภาวะพร่องเอนไซม์แลคเตส” (Lactose Intolerance) ไม่ใช่การแพ้นมวัว
ส่วนคนที่แพ้นมวัว (Cow’s Milk Allergy) เกิดจากปฏิกิริยาของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายที่แพ้ต่อโปรตีนในน้ำนมวัว ซึ่งพบมากในเด็กเล็ก บางรายอาจแพ้นมวัวตั้งแต่กำเนิด โดยอาการจะแสดงออกหลายแบบ เช่น เป็นผื่นเรื้อรัง ท้องเสีย ถ่ายเป็นมูกเลือด หรือเป็นหอบหืด เป็นต้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าผู้ที่แพ้นมวัวจะมีอาการหนักกว่าผู้ที่มีภาวะพร่องเอนไซม์แลคเตส ดังนั้นผู้ที่แพ้นมวัวจึงไม่สามารถดื่มนมวัว รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมวัวทั้งหมดได้ ต่างจากผู้ที่ภาวะพร่องเอนไซม์แลคเตส ยังสามารถดื่มนมวัวแบบปราศจากแลคโตสได้ โดยไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
นมแลคโตสฟรี (Lactose-Free Milk) เป็นนมวัวที่ผ่านกระบวนการย่อยแลคโตสออกไปเรียบร้อยแล้ว จึงไม่มีน้ำตาลแลคโตสหลงเหลืออยู่ หรือเหลือเพียงปริมาณเล็กน้อย จึงมีประโยชน์ดังนี้
- ได้รับสารอาหารครบถ้วนเหมือนนมปกติ นมแลคโตสฟรียังคงมีโปรตีน แคลเซียม วิตามินดี และสารอาหารสำคัญอื่น ๆ เหมือนกับนมวัวปกติทุกประการ
- ป้องกันอาการแพ้แลคโตส ช่วยให้ผู้ที่แพ้แลคโตสสามารถดื่มนมได้โดยไม่มีอาการผิดปกติทางระบบทางเดินอาหาร
- รสชาติหวานกว่านมปกติเล็กน้อย เนื่องจากแลคโตสถูกย่อยเป็นกลูโคสและกาแลคโตสแล้ว จึงมีรสชาติหวานกว่านมธรรมดาเล็กน้อย
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการได้รับแคลเซียมครบถ้วน ผู้ที่แพ้แลคโตสมักหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์นม ทำให้ได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอ นมแลคโตสฟรีจึงเป็นทางเลือกที่ดี
- ผู้ที่มีภาวะแพ้แลคโตส หรือเกิดอาการไม่สบายท้องหลังดื่มนมหรือบริโภคผลิตภัณฑ์จากนม
- ผู้ที่มีประวัติครอบครัวแพ้แลคโตส
- ผู้ที่มีปัญหาทางเดินอาหารไวต่อนมวัวปกติ
- ผู้สูงอายุที่มักมีระดับเอนไซม์แลคเตสลดลง
- เด็กบางรายที่ย่อยแลคโตสได้น้อย (ภายใต้คำแนะนำของแพทย์)
- คนทั่วไปที่ต้องการเลือกดื่มนมทางเลือกที่ย่อยง่ายขึ้น
อย่างไรก็ตาม แต่หากเป็นผู้ที่แพ้ “โปรตีนในนมวัว” หรือมีอาการรุนแรงจากนม ควรเลี่ยงนมวัวทุกชนิด รวมถึงนมแลคโตสฟรี และปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ
- ผู้ที่มีภาวะแพ้แลคโตส หรือเกิดอาการไม่สบายท้องหลังดื่มนมหรือบริโภคผลิตภัณฑ์จากนม
- ผู้ที่มีประวัติครอบครัวแพ้แลคโตส
- ผู้ที่มีปัญหาทางเดินอาหารไวต่อนมวัวปกติ
- ผู้สูงอายุที่มักมีระดับเอนไซม์แลคเตสลดลง
- เด็กบางรายที่ย่อยแลคโตสได้น้อย (ภายใต้คำแนะนำของแพทย์)
- คนทั่วไปที่ต้องการเลือกดื่มนมทางเลือกที่ย่อยง่ายขึ้น
อย่างไรก็ตาม แต่หากเป็นผู้ที่แพ้ “โปรตีนในนมวัว” หรือมีอาการรุนแรงจากนม ควรเลี่ยงนมวัวทุกชนิด รวมถึงนมแลคโตสฟรี และปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ
- แหล่งที่มา นมแลคโตสฟรี มาจาก มาจากนมวัวจริง แต่ตัดแลคโตสออก ส่วน นมพืช (Plant-based milk) มาจากพืช เช่น ถั่วเหลือง อัลมอนด์ ข้าวโอ๊ต
- โปรตีน นมแลคโตสฟรี มีโปรตีนสูง เช่นเดียวกับนมวัวทั่วไป (ประมาณ 8 กรัม/240 มล.) ส่วนนมพืช มีโปรตีนน้อยกว่า (ยกเว้นนมถั่วเหลือง ที่มีประมาณ 7 กรัม/240 มล.)
- แคลเซียม/วิตามิน ในนมแลคโตสฟรี มีตามธรรมชาติ หรือเติมเสริมเล็กน้อย ส่วนนมพืช ต้องต้องเติมเสริมในกระบวนการผลิต
- ไขมัน นมแลคโตสฟรี มีไขมันอิ่มตัวสูงกว่า ส่วนนมพืช มีไขมันอิ่มตัวต่ำกว่า
- เหมาะกับผู้แพ้แลคโตส ทั้งนมแลคโตสฟรีและนมพืช เหมาะกับผู้แพ้แลคโตส
- เหมาะกับผู้แพ้นมวัว นมแลคโตสฟรีไม่เหมาะกับผู้แพ้นมวัว เพราะยังคงมีโปรตีน ซึ่งเป็นสารอาหารที่ทำให้เกิดอาการแพ้ในผู้ที่แพ้นมวัว เพียงแต่ไม่มีแลคโตสเท่านั้น ส่วนนมพืช ไม่มีส่วนประกอบของโปรตีนจากวัว จึงเหมาะสำหรับผู้ที่แพ้โปรตีนนมวัวและมังสวิรัติ
- รสชาติและเนื้อสัมผัส นมแลคโตสฟรีเหมือนนมวัวแท้ ส่วนนมพืชนั้นขึ้นอยู่กับของพืชที่นำมาผลิต ซึ่งกลิ่นและรสชาติก็จะแตกต่างกันไปตามวัตถุดิบนั้นๆ
- เลือกแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ และผ่านการรับรองจาก อย.
- อ่านฉลากส่วนผสม ตรวจสอบว่าเป็น “Lactose-Free” หรือ “"แลคโตสฟรี” อย่างชัดเจน
- เลือกตามความต้องการทางโภชนาการ มีนมแลคโตสฟรีหลายรูปแบบ เช่น ไขมันเต็ม ไขมันต่ำ หรือไขมันศูนย์ ให้เลือกตามความเหมาะสมกับสุขภาพ
- ทดลองรสชาติ นมแลคโตสฟรีมีรสชาติหวานกว่านมปกติเล็กน้อย ควรทดลองก่อนซื้อในปริมาณมาก
- ทดลองปริมาณที่เหมาะสม บางคนอาจยังมีอาการแม้ดื่มนมแลคโตสฟรี ควรเริ่มจากปริมาณน้อยและค่อยๆ เพิ่มขึ้น
- เช็ควันหมดอายุ นมแลคโตสฟรีมีอายุการเก็บรักษาใกล้เคียงกับนมทั่วไป
- เปรียบเทียบราคา นมแลคโตสฟรีมักมีราคาสูงกว่านมปกติ ควรเปรียบเทียบราคาระหว่างแบรนด์ต่างๆ
- ปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาสุขภาพอื่นๆ เพื่อให้ได้คำแนะนำที่เหมาะสมกับสภาพร่างกาย รวมถึงในเด็กเล็กควรปรึกษากุมารแพทย์ก่อนเริ่มดื่มนมทางเลือกทุกชนิด
อ้างอิงจาก
สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล
โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์
pacificfoods.com
greenvalleylactosefree.com
healthline.com
lactaid.com
ภาพจาก Freepik
บริการให้คำปรึกษาในทุกๆเรื่องที่คุณแม่กังวลใจ โดยทีมผู้เชี่ยวชาญ พยาบาล นักโภชนาการและคุณแม่ ที่พร้อมอยู่เคียงข้าง ตลอด 24 ชั่วโมง