นมแม่ดีที่สุด
เรามุ่งมั่นที่จะช่วยให้คุณเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เพราะเราเชื่อว่าการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทารก ทั้งยังให้ประโยชน์กับทารกในหลายด้าน การเตรียมตัวช่วงก่อนและระหว่างการให้นมทารกนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง คุณควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ในสัดส่วนที่สมดุล
เมื่อคุณตัดสินใจที่จะไม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ หรือเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ร่วมกับการใช้นมสูตรสำหรับทารก อาจลดประสิทธิภาพในการสร้างน้ำนมของคุณเองและทำให้การกลับมาเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อีกครั้งทำได้ยากขึ้น ดังนั้นก่อนเริ่มใช้นมสูตรสำหรับทารก คุณควรคำนึงถึงผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจและสังคมร่วมด้วย หากจำเป็นต้องใช้นมสูตรสำหรับทารก คุณควรปฏิบัติตามข้อแนะนำในการเตรียม การใช้ และการเก็บรักษา อย่างระมัดระวังเพื่อสุขภาพที่ดีของทารก
เพื่อช่วยในการตัดสินใจที่ดีที่สุดเกี่ยวกับวิธีให้อาหารทารก แนะนำปรึกษาแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพทุกครั้ง
หลายกรณีของทารกที่เสียชีวิตในครรภ์สาเหตุลำดับต้น ๆ นั้นมาจากความบกพร่องของรก ซึ่งทำให้ทารกได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ ก็จะส่งผลให้การเคลื่อนไหวลดลง การนับลูกดิ้นและเฝ้าติดตามการเคลื่อนไหวของทารกในแต่ละวันนั้นจึงสำคัญมาก เพราะจะสามารถช่วยระบุว่าการตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยงหรือไม่ คุณแม่ตั้งครรภ์ที่เคยเผชิญกับภาวะนี้มักสังเกตเห็นว่าทารกเคลื่อนไหวน้อยลงในช่วงหลายวันก่อน ทำให้สามารถติดต่อผู้ให้บริการทางการแพทย์เข้าดูอาการของทารกในครรภ์ได้ทันเวลา ซึ่งวิธีนับลูกดิ้นคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ควรศึกษาและรู้ไว้เพื่อใช้สังเกตอาการทารกและนับให้เป็นประจำทุกวัน
เลือกอ่านตามหัวข้อที่ต้องการ
เมื่อลูกดิ้นน้อยลง ควรทำอย่างไร?
ปัจจัยที่ส่งผลต่อการดิ้นของลูก
การดิ้นของลูกน้อยในครรภ์สามารถบอกถึงสุขภาพหรือความผิดปกติของทารกได้ หากมีการดิ้นที่สม่ำเสมอนั่นก็เท่ากับว่าเป็นสัญญาณที่ดีว่าลูกน้อยนั้นมีสุขภาพแข็งแรง และแน่นอนว่าการดิ้นน้อยลงอาจบ่งบอกถึงปัญหา เช่น ภาวะรกทำงานไม่เพียงพอ หรือภาวะขาดออกซิเจน ซึ่งอาจนำไปสู่อันตรายของทารกไปจนถึงการเสียชีวิตในครรภ์ได้ ดังนั้นการสังเกตความเปลี่ยนแปลงของการดิ้นจึงช่วยให้คุณแม่รู้ทันและเข้ารับการดูแลได้อย่างทันท่วงทีนั่นเอง
คุณแม่ควรเริ่มนับลูกดิ้นเมื่ออายุครรภ์ประมาณ 28 สัปดาห์ หรือเร็วกว่านั้นหากแพทย์แนะนำ เพราะช่วงเวลาที่จะรู้สึกว่าทารกดิ้นชัดเจนที่สุดมักอยู่ระหว่าง 28-34 สัปดาห์ และควรนับทุกวันในช่วงเวลาเดียวกัน
การนับลูกดิ้นมี 2 วิธีที่มักนิยมใช้กัน ได้แก่
- วิธีนับลูกดิ้นแบบ Sodovsky (การนับหลังอาหาร) เลือกนับหลังมื้ออาหาร วันละ 3 มื้อ (เช้า กลางวัน เย็น) เพราะหลังจากที่คุณแม่ทานอาหาร ลูกน้อยในครรภ์จะได้รับสารอาหารและะมีพลังงาน ทำให้ดิ้นมากขึ้น ให้เริ่มนับหลังจากทานอาหารเสร็จทันที สังเกตว่าภายใน 1 ชั่วโมงลูกดิ้นกี่ครั้ง หากลูกดิ้นมากกว่า 3 ครั้ง ถือว่าสุขภาพของทารกนั้นปกติ แต่ถ้าหากดิ้นน้อยกว่า 3 ครั้ง ให้คุณแม่นับต่ออีกเป็นระยะวลา 6-12 ชั่วโมง จากนั้นค่อยมารวมจำนวนการดิ้นทั้งหมดใน 12 ชั่วโมง ถ้าหากลูกดิ้นรวมแล้วไม่ถึง 10 ครั้งใน 12 ชั่วโมง ถือว่าลูกดิ้นน้อยกว่าปกติ ควรไปพบแพทย์ทันที
- วิธีนับลูกดิ้นแบบ Cardiff (Count to ten) นับการดิ้นของทารกหลังจากตื่นนอน ใน 10-12 ชั่วโมงลูกน้อยควรดิ้นมากกว่า 10 ครั้ง ก็จะว่าถือว่าปกติ
ทั้ง 2 วิธีนี้ ขณะที่นับลูกดิ้น คุณแม่ควรอยู่ในท่านอนตะแคงซ้าย ทำตัวให้ผ่อนคลาย และไม่วอกแวกขณะนับ เพื่อให้รู้สึกถึงการดิ้นของลูกน้อยในครรภ์ได้ชัดเจนที่สุด
คุณแม่ควรเริ่มนับลูกดิ้นเมื่ออายุครรภ์ประมาณ 28 สัปดาห์ หรือเร็วกว่านั้นหากแพทย์แนะนำ เพราะช่วงเวลาที่จะรู้สึกว่าทารกดิ้นชัดเจนที่สุดมักอยู่ระหว่าง 28-34 สัปดาห์ และควรนับทุกวันในช่วงเวลาเดียวกัน
การนับลูกดิ้นมี 2 วิธีที่มักนิยมใช้กัน ได้แก่
- วิธีนับลูกดิ้นแบบ Sodovsky (การนับหลังอาหาร) เลือกนับหลังมื้ออาหาร วันละ 3 มื้อ (เช้า กลางวัน เย็น) เพราะหลังจากที่คุณแม่ทานอาหาร ลูกน้อยในครรภ์จะได้รับสารอาหารและะมีพลังงาน ทำให้ดิ้นมากขึ้น ให้เริ่มนับหลังจากทานอาหารเสร็จทันที สังเกตว่าภายใน 1 ชั่วโมงลูกดิ้นกี่ครั้ง หากลูกดิ้นมากกว่า 3 ครั้ง ถือว่าสุขภาพของทารกนั้นปกติ แต่ถ้าหากดิ้นน้อยกว่า 3 ครั้ง ให้คุณแม่นับต่ออีกเป็นระยะวลา 6-12 ชั่วโมง จากนั้นค่อยมารวมจำนวนการดิ้นทั้งหมดใน 12 ชั่วโมง ถ้าหากลูกดิ้นรวมแล้วไม่ถึง 10 ครั้งใน 12 ชั่วโมง ถือว่าลูกดิ้นน้อยกว่าปกติ ควรไปพบแพทย์ทันที
- วิธีนับลูกดิ้นแบบ Cardiff (Count to ten) นับการดิ้นของทารกหลังจากตื่นนอน ใน 10-12 ชั่วโมงลูกน้อยควรดิ้นมากกว่า 10 ครั้ง ก็จะว่าถือว่าปกติ
ทั้ง 2 วิธีนี้ ขณะที่นับลูกดิ้น คุณแม่ควรอยู่ในท่านอนตะแคงซ้าย ทำตัวให้ผ่อนคลาย และไม่วอกแวกขณะนับ เพื่อให้รู้สึกถึงการดิ้นของลูกน้อยในครรภ์ได้ชัดเจนที่สุด
หากรู้สึกว่าลูกดิ้นน้อยกว่าปกติ หรือใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมงในการดิ้นครบ 10 ครั้ง ให้คุณแม่ทำตัวให้ผ่อนคลาย และควรลองนับใหม่อีกครั้งหลังดื่มน้ำเย็นหรือนอนพัก หากยังดิ้นน้อยอยู่ ก็อย่าลังเลที่จะรีบไปปรึกษาหรือพบแพทย์ทันทีเพื่อประเมินสุขภาพของทารกได้อย่างทันท่วงที
การดิ้นของลูกในครรภ์เป็นสัญญาณสำคัญที่บ่งบอกถึงสุขภาพของทารก แต่การดิ้นมากหรือน้อยสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามหลายปัจจัย เช่น
1.อายุครรภ์ ลูกจะเริ่มดิ้นชัดเจนขึ้นเมื่ออายุครรภ์ประมาณ 18-20 สัปดาห์ และดิ้นแรงที่สุดช่วง 28-34 สัปดาห์
2.ช่วงเวลาในวัน ลูกมักดิ้นแรงในช่วงเย็นถึงกลางคืน หรือหลังจากที่คุณแม่ทานอาหาร เพราะระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น
3.ท่าทางของคุณแม่ เวลาคุณแม่นอนหงายหรือนอนตะแคงจะรู้สึกถึงลูกดิ้นชัดกว่าตอนเดินหรือทำกิจกรรม
4.ตำแหน่งของรก ถ้ารกเกาะด้านหน้า คุณแม่อาจรู้สึกลูกดิ้นได้น้อยกว่าปกติ
5.น้ำหนักตัวของคุณแม่ คุณแม่ที่มีน้ำหนักตัวมากหรือมีไขมันหน้าท้องเยอะ อาจรู้สึกการดิ้นได้น้อยลง
6.สุขภาพของลูกในครรภ์ หากลูกไม่สบายหรือมีภาวะขาดออกซิเจน การดิ้นอาจลดลง ซึ่งถือเป็นสัญญาณอันตราย
อ้างอิงจาก
https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC11472900/
https://www.sikarin.com/doctor-articles/%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%99
https://www.phyathai.com/th/article/2899-%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A3___%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%A3
บริการให้คำปรึกษาในทุกๆเรื่องที่คุณแม่กังวลใจ โดยทีมผู้เชี่ยวชาญ พยาบาล นักโภชนาการและคุณแม่ ที่พร้อมอยู่เคียงข้าง ตลอด 24 ชั่วโมง