สิ่งสำคัญที่ควรทราบ
นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก เราสนับสนุนคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวในช่วง 6 เดือนแรกของชีวิต จากนั้นเริ่มให้อาหารเสริมตามวัยที่ปลอดภัยอย่างเหมาะสมร่วมกับนมแม่จนครบ 2 ปี หรือนานกว่านั้น การได้รับโภชนาการที่ดีและสมดุลของมารดาในช่วงให้นมบุตรจึงมีความสำคัญยิ่ง ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องใช้นมผสม ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพก่อนตัดสินใจ และควรปฏิบัติตามข้อแนะนำในการเตรียมและการใช้อย่างระมัดระวังเพื่อสุขภาพที่ดีของลูกรัก
โภชนาการที่ดีควบคู่กับการส่งเสริมพัฒนาการในแต่ละช่วงวัย คือ รากฐานสำคัญสำหรับการเจริญเติบโตของลูกรัก ไฮ-แฟมิลี่คลับ พร้อมเคียงข้างคุณแม่ ด้วยข้อมูลด้านโภชนาการและพัฒนาการที่เป็นประโยชน์ เพื่อสนับสนุนคุณภาพชีวิตที่ดีของทั้งคุณแม่และลูกรัก
เบาหวานขณะตั้งครรภ์ เป็นภาวะที่คุณแม่หลายคนอาจไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น แต่สามารถพบได้ในช่วงตั้งครรภ์ และอาจส่งผลต่อสุขภาพของทั้งคุณแม่และลูกน้อยในอนาคต การตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความสุขและความคาดหวัง แต่ก็ต้องให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพอย่างใกล้ชิดเช่นกัน บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจว่าเบาหวานขณะตั้งครรภ์คืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร มีอาการอย่างไร และควรดูแลตัวเองแบบไหน เพื่อให้คุณแม่และลูกน้อยแข็งแรง ปลอดภัยตลอดการตั้งครรภ์
เลือกอ่านตามหัวข้อที่ต้องการ
สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์
อาการของเบาหวานขณะตั้งครรภ์ที่ควรสังเกต
วิธีการตรวจวินิจฉัยเบาหวานขณะตั้งครรภ์
ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับแม่และลูกในครรภ์
ผลกระทบของเบาหวานขณะตั้งครรภ์ต่อการคลอดและหลังคลอด
แนวทางการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดระหว่างตั้งครรภ์
อาหารที่เหมาะสมสำหรับคุณแม่ที่ตรวจพบว่าเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์
การออกกำลังกายที่ปลอดภัยเพื่อช่วยควบคุมเบาหวาน
แนวทางการรักษาทางการแพทย์เมื่อไม่สามารถคุมอาหารได้
ตรวจสอบบทความโดย: รุ่งทิวา สุลักษณานนท์
พยาบาลศาสตรบัณฑิต การพยาบาลและการผดุงครรภ์
โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (Gestational Diabetes Mellitus: GDM) คือภาวะที่ระดับน้ำตาลในเลือดของคุณแม่สูงกว่าปกติในช่วงตั้งครรภ์ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่มีอาการของโรคเบาหวานมาก่อน ภาวะนี้มักเกิดขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 2 หรือ 3 ของการตั้งครรภ์ และโดยทั่วไปจะหายไปเมื่อหลังคลอด โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์เกิดจากฮอร์โมนที่สร้างขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์ไปรบกวนการทำงานของอินซูลิน ทำให้ร่างกายควบคุมน้ำตาลในเลือดได้ไม่ดีพอ หากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม อาจส่งผลกระทบต่อทั้งคุณแม่และทารกได้ เช่น น้ำหนักทารกมากเกินไป คลอดยาก หรือทารกมีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำหลังคลอด
เบาหวานขณะตั้งครรภ์เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในช่วงตั้งครรภ์ โดยเฉพาะการทำงานของฮอร์โมนที่มีผลต่อการควบคุมน้ำตาลในเลือด ดังนี้
ฮอร์โมนจากรกรบกวนการทำงานของอินซูลิน: ทำให้ร่างกายดื้อต่ออินซูลิน
การตั้งครรภ์ทำให้ร่างกายมีการหลั่งอินสุลินจากตับอ่อนลดลง: จึงทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น
ปัจจัยเสี่ยงส่วนบุคคล: เช่น อายุเกิน 30 ปี, มีน้ำหนักเกินก่อนตั้งครรภ์, มีประวัติเบาหวานในครอบครัว, เคยมีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ในการตั้งครรภ์มาก่อน, คลอดทารกที่มีน้ำหนักตัวเกิน 4 กิโลกรัม
ขั้นตอนการตรวจเบื้องต้นที่นิยมใช้คือ การตรวจคัดกรองด้วยน้ำตาลกลูโคส (Glucose Challenge Test: GCT) โดยคุณแม่จะดื่มน้ำตาลกลูโคสในปริมาณที่กำหนด (ปกติ 50 กรัม) หลังจากนั้น 1 ชั่วโมงพทย์จะเจาะเลือดเพื่อตรวจระดับน้ำตาล หากผลเกินเกณฑ์ที่กำหนด จะต้องทำการตรวจยืนยันเพิ่มเติม ได้แก่ การตรวจความทนทานต่อน้ำตาล (Oral Glucose Tolerance Test: OGTT) โดยคุณแม่จะต้องงดน้ำและอาหารอย่างน้อย 8 ชั่ว จากนั้นจะเจาะเลือดก่อน 1 ครั้ง จึงดื่มน้ำตาล 100 กรัม และเจาะเลือดซ้ำทุก 1 ชั่วโมงต่อเนื่อง 3 ครั้ง เพื่อวัดระดับน้ำตาลในเลือดในแต่ละช่วงเวลา
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับคุณแม่: คุณแม่ที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง อาจเสี่ยงต่อภาวะครรภ์เป็นพิษ ความดันโลหิตสูง และปัญหาหลอดเลือด ตา ไต รวมถึงเสี่ยงต่อการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะได้ง่าย
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับทารกในครรภ์: ทารกอาจมีน้ำหนักตัวมากกว่าปกติ ทำให้คลอดยากและเสี่ยงต่อการบาดเจ็บขณะคลอด มีโอกาสแท้งหรือเสียชีวิตในครรภ์ได้สูง ทารกที่คลอดออกมาอาจมีปัญหาการหายใจ น้ำตาลในเลือดต่ำ ตัวเหลือง หรือเกลือแร่ไม่สมดุลหลังคลอด
คุณแม่ที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์มีโอกาสคลอดยาก เนื่องจากทารกอาจมีน้ำหนักตัวมากกว่าปกติ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการคลอดด้วยวิธีผ่าตัด นอกจากนี้ยังเสี่ยงต่อภาวะน้ำคร่ำมากผิดปกติและภาวะครรภ์เป็นพิษที่อาจส่งผลอันตรายระหว่างคลอด
หลังคลอด ทารกอาจมีปัญหาระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ ตัวเหลือง หรือปัญหาการหายใจที่ต้องได้รับการดูแลใกล้ชิด อีกทั้งลูกที่เกิดจากคุณแม่เบาหวานขณะตั้งครรภ์ยังมีแนวโน้มที่จะเสี่ยงต่อโรคอ้วนและเบาหวานเมื่อโตขึ้น หากไม่ได้รับการดูแลที่ดีตั้งแต่แรกเริ่ม
การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดระหว่างตั้งครรภ์เป็นสิ่งสำคัญเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับคุณแม่และลูกในครรภ์ ซึ่งสามารถทำได้โดยเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ แบ่งมื้ออาหารเป็นมื้อเล็ก ๆ แต่บ่อยครั้ง เพื่อป้องกันระดับน้ำตาลในเลือดขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว หลีกเลี่ยงของหวานและอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง ออกกำลังกายเบา ๆ อย่างสม่ำเสมอ
คุณแม่ที่ตรวจพบว่าเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ควรเลือกกินอาหารที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต ผักสดหลากสี โปรตีนไม่ติดมัน เช่น ปลา ไก่ เต้าหู้ และผลไม้ที่มีน้ำตาลต่ำ เช่น แอปเปิล ฝรั่ง ส้มโอ โดยควรกินในปริมาณที่พอเหมาะ หลีกเลี่ยงขนมหวาน น้ำหวาน แป้งขัดขาว ของทอด และผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง เช่น ทุเรียน มะม่วงสุก เพื่อป้องกันไม่ให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงจนเกินไป
หากคุณแม่ตั้งครรภ์ที่เป็นเบาหวานไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ด้วยการปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารและออกกำลังกาย แพทย์จะพิจารณาให้รักษาด้วยการโดยใช้อินสุลินฉีด เพื่อลดระดับน้ำตาล ซึ่งเป็นวิธีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสำหรับคุณแม่และลูกในครรภ์ โดยแพทย์จะกำหนดขนาดยาและวิธีการฉีดที่เหมาะสม พร้อมติดตามระดับน้ำตาลอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
เบาหวานขณะตั้งครรภ์ส่วนใหญ่จะหายได้หลังคลอด เพราะเป็นภาวะที่เกิดขึ้นเฉพาะในช่วงตั้งครรภ์เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงที่เคยเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์มีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ในอนาคต จึงควรดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง ทั้งการควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย และตรวจสุขภาพเป็นประจำ เพื่อป้องกันปัญหานี้ในระยะยาว
การป้องกันเบาหวานขณะตั้งครรภ์ในครรภ์ต่อไป สามารถทำได้ด้วยการดูแลสุขภาพอย่างใกล้ชิดก่อนและระหว่างตั้งครรภ์ เช่น ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และหลีกเลี่ยงอาหารหวานจัด คุมอาหารจำพวกแป้ง ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และตรวจสุขภาพอย่างต่อเนื่องเพื่อเฝ้าระวังระดับน้ำตาลในเลือด นอกจากนี้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการตั้งครรภ์และดูแลสุขภาพอย่างถูกวิธี เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดเบาหวานขณะตั้งครรภ์ในครั้งถัดไป
บริการให้คำปรึกษาในทุกๆเรื่องที่คุณแม่กังวลใจ โดยทีมผู้เชี่ยวชาญ พยาบาล นักโภชนาการและคุณแม่ ที่พร้อมอยู่เคียงข้าง ตลอด 24 ชั่วโมง