สิ่งสำคัญที่ควรทราบ
นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก เราสนับสนุนคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวในช่วง 6 เดือนแรกของชีวิต จากนั้นเริ่มให้อาหารเสริมตามวัยที่ปลอดภัยอย่างเหมาะสมร่วมกับนมแม่จนครบ 2 ปี หรือนานกว่านั้น การได้รับโภชนาการที่ดีและสมดุลของมารดาในช่วงให้นมบุตรจึงมีความสำคัญยิ่ง ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องใช้นมผสม ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพก่อนตัดสินใจ และควรปฏิบัติตามข้อแนะนำในการเตรียมและการใช้อย่างระมัดระวังเพื่อสุขภาพที่ดีของลูกรัก
โภชนาการที่ดีควบคู่กับการส่งเสริมพัฒนาการในแต่ละช่วงวัย คือ รากฐานสำคัญสำหรับการเจริญเติบโตของลูกรัก ไฮ-แฟมิลี่คลับ พร้อมเคียงข้างคุณแม่ ด้วยข้อมูลด้านโภชนาการและพัฒนาการที่เป็นประโยชน์ เพื่อสนับสนุนคุณภาพชีวิตที่ดีของทั้งคุณแม่และลูกรัก
ในช่วงเวลาที่ควรเต็มไปด้วยความสุขของการมีลูกน้อย บางครั้งกลับมีคุณแม่จำนวนไม่น้อย
ที่ต้องเผชิญกับความรู้สึกเศร้า เหนื่อยล้า และโดดเดี่ยวโดยไม่สามารถอธิบายได้
นั่นอาจไม่ใช่แค่ความเหนื่อยจากการเลี้ยงลูกธรรมดา แต่อาจเป็นสัญญาณของ
ภาวะซึมเศร้าหลังคลอด” ซึ่งเป็นเรื่องจริงที่ต้องเข้าใจ และไม่ควรมองข้าม เพราะหากปล่อยไว้
โดยไม่รับการดูแลอย่างเหมาะสม อาจกระทบทั้งต่อแม่และลูกในระยะยาวได้อย่างไม่รู้ตัว
อาการของซึมเศร้าหลังคลอดที่ควรเฝ้าระวัง
ผลกระทบจากซึมเศร้าหลังคลอด หากไม่รีบรักษา
ป้องกันซึมเศร้าหลังคลอดได้อย่างไร
ทำยังไงให้ไม่เป็นซึมเศร้าหลังคลอด
ซึมเศร้าหลังคลอด (Postpartum Depression: PPD) คือภาวะความผิดปกติทางอารมณ์
ที่เกิดขึ้นหลังคลอดบุตร โดยแตกต่างจากภาวะ “baby blues” ซึ่งเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว
(มักหายใน 1-2 สัปดาห์) PPD กลับมีอาการรุนแรงและยาวนานกว่า และอาจส่งผลกระทบ
ต่อการเลี้ยงดูบุตร ความสัมพันธ์ในครอบครัว และสุขภาพจิตโดยรวมของคุณแม่ได้อย่างมาก
ซึมเศร้าหลังคลอด เกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
อย่างรวดเร็วหลังคลอด เช่น ฮอร์โมนเอสโตรเจน โปรเจสเตอโรน และคอร์ติซอล รวมถึง
สารสื่อประสาทอย่างเซโรโทนินและโดพามีน นอกจากนี้ ยังรวมถึงความเครียด ความเหนื่อยล้า
การขาดการนอนหลับ และปัจจัยทางจิตสังคม เช่น ความคาดหวังของบทบาทแม่
ปัญหาความสัมพันธ์ในครอบครัว การขาดการสนับสนุนทางสังคม และประวัติโรคซึมเศร้าเดิม
คุณแม่ที่มีภาวะซึมเศร้าหลังคลอดอาจแสดงอาการหลายรูปแบบ อาทิ
- รู้สึกเศร้า เหนื่อยล้า หรือหมดกำลังใจตลอดเวลา
- รู้สึกไร้ค่า คิดว่าตนเองเป็นแม่ที่ไม่ดีพอ
- น้ำตาไหลง่ายหรือร้องไห้โดยไม่ทราบสาเหตุ
- ไม่มีความผูกพันกับลูก หรือรู้สึกว่าเลี้ยงลูกไม่ไหว
- นอนไม่หลับหรือนอนมากเกินไป
- อ่อนล้า หมดความสนใจหรือไม่มีความสุขกับเรื่องที่เคยชอบ
- แยกตัว ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับคนในครอบครัวหรือเพื่อน
- สับสน ไม่มีสมาธิ
บางรายอาจมีความคิดทำร้ายตนเองหรือลูก ซึ่งถือเป็นสัญญาณอันตรายที่ต้องพบแพทย์ทันที
การรักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ แพทย์อาจแนะนำแนวทางต่อไปนี้
จิตบำบัด (Psychotherapy): เช่น การบำบัดพฤติกรรมทางความคิด (CBT)
การให้คำปรึกษาส่วนตัว หรือการบำบัดร่วมกับคู่สมรส
การใช้ยา: ยาต้านซึมเศร้ากลุ่ม SSRI เช่น sertraline หรือ SNRI เช่น venlafaxine
ซึ่งปลอดภัยต่อการให้นมบุตรเมื่อใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์
การรักษารูปแบบใหม่: เช่น ยา brexanolone ซึ่งออกฤทธิ์เร็ว มีงานวิจัยรองรับผลลัพธ์
ในการลดอาการอย่างมีนัยสำคัญ แต่ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์เท่านั้น
และเหมาะสำหรับผู้มีอาการรุนแรง
Neuromodulation: การกระตุ้นสมอง เช่น ECT (Electroconvulsive Therapy)
สำหรับผู้ป่วยอาการรุนแรงหรือไม่ตอบสนองต่อยา
ภาวะซึมเศร้าหลังคลอดไม่เพียงส่งผลต่อคุณแม่ แต่ยังอาจมีผลกระทบระยะยาวต่อ
พัฒนาการของลูก เช่น
- การเรียนรู้ของเด็กช้าลง และพัฒนาการด้านอารมณ์ไม่สมวัย
- ความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูกไม่แน่นแฟ้น
- ความเครียดสะสมในครอบครัว เสี่ยงต่อความสัมพันธ์ในชีวิตคู่
- ความเสี่ยงสูงต่อการเกิดภาวะซึมเศร้าเรื้อรัง หรือโรควิตกกังวลในระยะยาว
วางแผนล่วงหน้า : ก่อนคลอดควรวางแผนเกี่ยวกับการดูแลลูกและการจัดการกับความรับผิดชอบภายใน
ครอบครัว เพื่อสื่อสารให้เข้าใจตรงกัน ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ หรือร่วมกลุ่มเครือข่ายที่ช่วยสนับสนุน เช่น
เพื่อนแม่มือใหม่ หรือกลุ่มสนทนาออนไลน์ เป็นต้น
ขอความช่วยเหลือจากคนใกล้ชิด : เพื่อให้คุณแม่สามารถแบ่งเวลาในการพักผ่อนได้อย่างเพียงพอ คุณแม่ควร
เตรียมตัวขอความช่วยเหลือจากคู่สมรสหรือสมาชิกในครอบครัวเพื่อแบ่งเบาภาระงานบ้านและการดูแลลูกน้อย
ในบางช่วงเวลาที่จำเป็น
โดยทั่วไป อาการของซึมเศร้าหลังคลอดมักเริ่มภายใน 4 สัปดาห์แรกหลังคลอด
แต่ในบางรายอาจเกิดได้ภายใน 6 เดือน หรือยาวนานถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
การดูแลสุขภาพกายใจตั้งแต่ก่อนคลอด พักผ่อนให้เพียงพอ หาแหล่งสนับสนุนที่ดีทางด้านจิดใจและน่าไว้วางใจ
จะช่วยลดความเสี่ยงของภาวะนี้ได้มาก แม้ไม่สามารถป้องกันได้ทั้งหมดแต่ก็ถือว่าเป็นการเตรียมความพร้อม
ที่สำคัญ
อาการซึมเศร้าเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน ทั้งการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ระบบประสาท
การนอนหลับ และความเครียด รวมถึงปัจจัยจิตใจและสังคม เช่น ความโดดเดี่ยว
หรือความคาดหวังที่สูงเกินไป
ภาวะซึมเศร้าหลังคลอดเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ และไม่ใช่ความผิดของใคร หากคุณแม่
หรือคนใกล้ชิดเริ่มมีอาการผิดปกติทางอารมณ์ ควรได้รับการดูแลอย่างจริงจังตั้งแต่เนิ่น ๆ
การเปิดใจ พูดคุย และขอความช่วยเหลือ คือจุดเริ่มต้นของการเยียวยา เพื่อให้คุณแม่ได้กลับมา
แข็งแรงทั้งกายและใจ และสร้างสายใยรักที่มั่นคงกับลูกได้อีกครั้ง
https://dmh.go.th/news-dmh/view.asp?id=30004
https://dmh.go.th/news-dmh/view.asp?id=31603
https://www.thaihealth.or.th/%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%94-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%8B%E0%B8%B6%E0%B8%A1/
https://www.medparkhospital.com/disease-and-treatment/postpartum-depression
https://www.sikarin.com/health/postpartum-depression
https://www.bangkokhospital.com/content/understanding-postpartum-depression
https://www.phyathai.com/th/article/postpartum-depression-ptp?srsltid=AfmBOopMY-6inbq-K8pOK-HQ2lQfnKNKmsHBhORuX22vfwpxXsgo0JpJ
https://www.bbc.com/thai/international-58847146
https://www.pitsanuvej.com/articles/postpartum-depression
ภาพจาก Freepik
บริการให้คำปรึกษาในทุกๆเรื่องที่คุณแม่กังวลใจ โดยทีมผู้เชี่ยวชาญ พยาบาล นักโภชนาการและคุณแม่ ที่พร้อมอยู่เคียงข้าง ตลอด 24 ชั่วโมง