สิ่งสำคัญที่ควรทราบ
นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก เราสนับสนุนคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวในช่วง 6 เดือนแรกของชีวิต จากนั้นเริ่มให้อาหารเสริมตามวัยที่ปลอดภัยอย่างเหมาะสมร่วมกับนมแม่จนครบ 2 ปี หรือนานกว่านั้น การได้รับโภชนาการที่ดีและสมดุลของมารดาในช่วงให้นมบุตรจึงมีความสำคัญยิ่ง ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องใช้นมผสม ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพก่อนตัดสินใจ และควรปฏิบัติตามข้อแนะนำในการเตรียมและการใช้อย่างระมัดระวังเพื่อสุขภาพที่ดีของลูกรัก
โภชนาการที่ดีควบคู่กับการส่งเสริมพัฒนาการในแต่ละช่วงวัย คือ รากฐานสำคัญสำหรับการเจริญเติบโตของลูกรัก ไฮ-แฟมิลี่คลับ พร้อมเคียงข้างคุณแม่ ด้วยข้อมูลด้านโภชนาการและพัฒนาการที่เป็นประโยชน์ เพื่อสนับสนุนคุณภาพชีวิตที่ดีของทั้งคุณแม่และลูกรัก
ตรวจสอบบทความโดย: ปรียาภรณ์ อัมหธร
วิทยาศาตรบัณฑิต สาธารณสุขศาสตร์ สาขาโภชนวิทยา
ศิลปศาสตร์มหาบัณฑิ
ประโยชน์ของการอ่านนิทานก่อนนอนให้ลูกฟังการอ่านนิทานก่อนนอนนั้นมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมพัฒนาการของเด็ก ทั้งด้านสติปัญญา (IQ) และอารมณ์ (EQ) อีกทั้งยังช่วยเสริมทักษะการฟัง การพูด การมีสมาธิ และจินตนาการ นอกจากนี้การอ่านนิทานก่อนนอนให้ลูกฟังเป็นกิจกรรมที่มีคุณค่า ช่วยสานสัมพันธ์ให้พ่อแม่ลูกได้มีช่วงเวลาพิเศษร่วมกันก่อนเข้านอนอีกด้วย และเพียงแค่คุณเริ่มประโยคว่า “กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว…” ก็จะช่วยให้ลูกน้อยได้รู้สึกผ่อนคลายและรับรู้ว่าใกล้เวลาที่จะต้องเข้านอนแล้ว
มีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าเด็กที่พ่อแม่เริ่มอ่านหนังสือให้ฟังตั้งแต่อายุต่ำกว่าหนึ่งปี จะมีคลังคำศัพท์ที่กว้างและซับซ้อนกว่าเด็ก 3 ปีที่ไม่ได้ฟังนิทานก่อนนอน ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำให้เริ่มอ่านนิทานให้ลูกฟังได้เลยตั้งแต่ในช่วงแรกเกิด หรือแม้กระทั่งขณะที่อยู่ในครรภ์ได้ก็ยิ่งดี เพื่อกระตุ้นการได้ยินและสร้างความคุ้นเคยกับเสียงของพ่อแม่ สำหรับช่วงอายุ 3-7 ปีนั้น การอ่านนิทานให้ลูกฟังถือเป็นช่วงเวลาของพัฒนาการด้านภาษาหรือสะสมทักษะที่เกี่ยวข้องกับการอ่าน และหลังจากช่วงอายุ 7 ปีก็ยังคงสามารถอ่านนิทานให้ลูกฟังได้อยู่ถึงแม้ว่าลูกจะเริ่มอ่านหนังสือเองได้แล้วก็ตาม
- 0-2 ปี: วัยนี้ออบการหยิบจับ สัมผัส ชอบสีสัน จึงควรเลือกนิทานที่มีภาพสีสันสดใส มีรูปภาพใหญ่ คำศัพท์ง่ายหรือไม่มีตัวหนังสือเลย และเนื้อเรื่องสั้นที่ไม่ซับซ้อน หรือเป็นหนังสือที่มีลูกเล่นมีภาพต่างระดับสูงต่ำ วัสดุที่จับแล้วมีเสียงตุ๊กตาหุ่นมือ หรือหนังสือที่หนาแข็งแรงไม่ฉีกขาดง่าย
- 3-5 ปี: ลูกเริ่มฟังเหตุผล มีสังคม ควรเลือกนิทานที่มีเนื้อเรื่องสนุกสนาน แฝงข้อคิดสอนใจ และมีบทสนทนาเพื่อกระตุ้นการพูด หรือเกิดการตั้งคำถาม ถ้าหากลูกชอบเรื่องไหนเป็นพิเศษก็ควรนำกลับมาเล่าซ้ำอีก เพื่อให้เกิดการจดจำเนื้อเรื่องที่เขาชอบ ถึงแม้จะอ่านเล่มเดิมซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบ แต่การตีความและความเข้าใจของเด็กนั้นต่างกันได้ในแต่ละวันที่ฟัง
- 6 ปีขึ้นไป: ลูกเข้าใจเหตุผล เข้าใจและยอมรับกฎกติกาของสังคม ควรเลือกนิทานที่มีเนื้อเรื่องยาวขึ้นเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและความเข้าใจที่ลึกซึ้งขึ้น เพิ่มประเภทของนิทานเข้าไปเช่น นิทานลี้ลับ แฟนตาซี, นิทานผจญภัย จินตนาการ, นิทานปรัมปรา
-ใช้น้ำเสียงที่น่าสนใจ ปรับโทนเสียง สูงต่ำ เสียงเล็ก เสียงใหญ ให้เข้ากับตัวละครในนิทาน
-มีปฏิสัมพันธ์กับลูก โดยการตั้งคำถามง่าย ๆ เป็นคำถามปลายเปิดเกี่ยวกับเนื้อเรื่อง เพื่อกระตุ้นให้ลูกได้เกิด จินตนาการ ฝึกการคิด วิเคราะห์
-ไม่ควรใช้คำถามที่เหมือนการทดสอบจนทำให้ลูกรู้สึกกังวลในการตอบคำถาม
-ให้ลูกมีส่วนร่วม เช่น ให้ลูกลองทายตอนจบของเรื่อง, เล่าเรื่องใหม่จากภาพประกอบ หรืออ่านสลับหน้ากับลูก
-ควรทำให้เป็นกิจกรรมประจำวัน เพื่อให้เด็กจะได้ซึมซับจนเกิด การพัฒนาทักษะการอ่าน เขียน และการสื่อสาร
หลีกเลี่ยงเนื้อหาที่รุนแรงหรือไม่เหมาะสมกับวัยของเด็ก ควรเลือกนิทานที่มีภาพประกอบสีสันสวยงาม ตัวอักษรชัดเจน มีเนื้อหาที่เข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน และเนื้อเรื่องเหมาะสมกับช่วงวัยของลูก
- วัยแรกเกิด - 3 ปี: นิทานที่ทำให้ลูกได้รู้จักคำศัพท์ของสัตว์ สิ่งของ ของใช้ใกล้ตัว หรือการกระทำ เช่น ติ๊กต่อก นิทานชุด ลูกลิงเด็กดี
- วัย 4- 6 ปี: นิทานที่มีเนื้อเรื่องสนุกสนาน แฝงข้อคิดสอนใจ เช่น นิทานชุด คำพ่อสอน ตู๊กติ๊กกับตุ๊ปปอง
- วัย 6 ปีขึ้นไป: นิทานที่มีเนื้อเรื่องยาวขึ้น มีความซับซ้อนขึ้น เช่น เมล็ดพันธุ์แห่งความดี ผจญภัยในห้องน้ำ พรจากดวงดาว
ภาพจาก Freepik
บริการให้คำปรึกษาในทุกๆเรื่องที่คุณแม่กังวลใจ โดยทีมผู้เชี่ยวชาญ พยาบาล นักโภชนาการและคุณแม่ ที่พร้อมอยู่เคียงข้าง ตลอด 24 ชั่วโมง