นมแม่ดีที่สุด

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยให้คุณเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เพราะเราเชื่อว่าการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทารก ทั้งยังให้ประโยชน์กับทารกในหลายด้าน การเตรียมตัวช่วงก่อนและระหว่างการให้นมทารกนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง คุณควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ในสัดส่วนที่สมดุล

เมื่อคุณตัดสินใจที่จะไม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ หรือเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ร่วมกับการใช้นมสูตรสำหรับทารก อาจลดประสิทธิภาพในการสร้างน้ำนมของคุณเองและทำให้การกลับมาเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อีกครั้งทำได้ยากขึ้น ดังนั้นก่อนเริ่มใช้นมสูตรสำหรับทารก คุณควรคำนึงถึงผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจและสังคมร่วมด้วย หากจำเป็นต้องใช้นมสูตรสำหรับทารก คุณควรปฏิบัติตามข้อแนะนำในการเตรียม การใช้ และการเก็บรักษา อย่างระมัดระวังเพื่อสุขภาพที่ดีของทารก

เพื่อช่วยในการตัดสินใจที่ดีที่สุดเกี่ยวกับวิธีให้อาหารทารก แนะนำปรึกษาแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพทุกครั้ง

ทารกหายใจครืดคราด เช็กอาการเสี่ยง พร้อมดูแลลูกอย่างถูกวิธี

img

เสียงหายใจที่ครืดคราดในทารกมักทำให้พ่อแม่รู้สึกกังวล โดยเฉพาะเมื่อไม่แน่ใจว่า
อาการนี้ถือว่าอันตรายหรือไม่ เสียงลักษณะนี้อาจเป็นเพียงเสมหะหรือน้ำมูกในโพรงจมูก
หรืออาจสะท้อนถึงภาวะทางเดินหายใจที่ควรได้รับการดูแลทันที
บทความนี้จะอธิบายชัดเจนถึงความหมายของเสียงหายใจครืดคราด สาเหตุ อาการเสี่ยง
และวิธีดูแลลูกน้อยอย่างถูกต้อง

 

ลูกหายใจครืดคราดคืออะไร?

เสียงหายใจครืดคราด หรือ "ruttles" เป็นเสียงที่เกิดจากสารคัดหลั่งในทางเดิน
หายใจส่วนต้น เช่น น้ำมูกหรือเสมหะที่สะสมอยู่ในโพรงจมูกหรือหลอดลม
ซึ่งพบได้บ่อยในทารก เนื่องจากทารกยังไม่สามารถขจัดเสมหะได้เองอย่างมี
ประสิทธิภาพ

งานวิจัยพบว่าเสียง “ruttles” (เสียงครืดคราด) มีความแตกต่างจากเสียง
“wheeze” ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับโรคหอบหืดหรือการตีบของหลอดลม
การแยกความแตกต่างนี้จึงสำคัญต่อการวินิจฉัยและดูแลรักษาอย่างเหมาะสม

 

สาเหตุที่ทำให้ทารกหายใจครืดคราด

การมีเสมหะหรือน้ำมูกมากเกินไป เช่น จากหวัดหรือการติดเชื้อไวรัส
โครงสร้างทางเดินหายใจแคบ ซึ่งเป็นลักษณะทั่วไปของทารกวัยแรกเกิด
ภาวะหลอดลมอักเสบ หรือติดเชื้อทางเดินหายใจ

การได้รับนมมากเกินไป อาจทำให้หายใจแล้วมีเสียงครืดคราด
เนื่องจากน้ำนมในกระเพาะอาหารมีปริมาณมากเกินไปจนกระทั่งล้นมาถึงคอ
จนเกิดเป็นเสียงครืดคราดในลำคอเวลาที่หายใจเข้าออก

 

สัญญาณอันตรายเมื่อทารกหายใจครืดคราด ควรรีบพบแพทย์

- หายใจเร็ว หรือหอบเหนื่อย
- หน้าอกบุ๋มเวลาหายใจ
- ริมฝีปากเขียว ปลายมือปลายเท้าเย็น
- ไม่ยอมดูดนมหรือซึมผิดปกติ

 

วิธีดูแลทารกที่หายใจครืดคราดเบื้องต้น

ปรับท่านอนให้อยู่ในท่าศรีษะสูง โดยใช้หมอนรองหลังถึงศีรษะ เพื่อให้น้ำมูกไหลออกได้สะดวก
ใช้น้ำเกลือล้างจมูก เพื่อช่วยลดการอุดตันและทำความสะอาดโพรงจมูก
เช็ดเสมหะหรือน้ำมูกออกเบา ๆ โดยเฉพาะหลังตื่นนอนหรือก่อนนอน
ดูแลความชื้นในห้องให้ไม่ให้สูงเกินไปเพราะอาจทำให้เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นภูมิแพ้
และโรคทางเดินหายใจ

 

ควรสังเกตอย่างไรว่าเสียงหายใจของลูกผิดปกติ

เสียงหายใจที่ผิดปกติอาจมีลักษณะดังนี้
- เสียงวี๊ด (wheeze) ที่เกิดจากการตีบของหลอดลม
- เสียงกรนตอนหลับแบบต่อเนื่อง
- หายใจมีเสียงดังตลอดเวลา แม้ไม่มีน้ำมูก
การฟังเสียงอย่างละเอียด เช่น ที่บันทึกโดยแพทย์ หรือผ่านเครื่องมือวิเคราะห์เสียง
อาจช่วยแยกแยะเสียง “ruttles” (เสียงครืดคราด) และ “wheeze” ได้แม่นยำยิ่งขึ้น

 

คำถามที่พบบ่อย

เด็กทารกหายใจครืดคราดทำยังไง

สามารถล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ และจัดท่านอนศีรษะสูงให้เหมาะสม

หากอาการยังไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์

 

หายใจครืดคราดแบบไหนอันตราย

หากมีอาการอื่นร่วม เช่น หายใจเร็ว ซึม ไม่กินนม หรือริมฝีปากเขียว ควรรีบพบแพทย์ทันที
หรือหากอาการเกิดขึ้นบ่อย เป็นเรื้อรัง (มากกว่า 1–2 สัปดาห์) ควรมีการพิจารณาโรคแฝง
เช่น ภูมิแพ้, หลอดลมไวเกิน หรือกรดไหลย้อนชนิดเรื้อรัง

 

ทําไมลูกถึงหายใจครืดคราดแต่ไม่มีน้ำมูก

อาจเกิดจากเสมหะในลำคอหรือทางเดินหายใจส่วนลึก ซึ่งไม่ได้ออกมาที่
โพรงจมูก แนะนำว่าการวินิจฉัยโดยแพทย์จะช่วยระบุสาเหตุที่แท้จริงได้

 

สรุป

เสียงหายใจครืดคราดในทารกเป็นสิ่งที่พ่อแม่ควรใส่ใจ แม้ส่วนใหญ่จะไม่อันตราย
แต่การรู้เท่าทันสัญญาณเตือน การดูแลที่เหมาะสม และการเข้าพบแพทย์เมื่อ
จำเป็น จะช่วยให้ลูกน้อยปลอดภัยและเติบโตแข็งแรง นอกจากนี้ การทำเข้าใจความ
แตกต่างของเสียงหายใจจะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการวินิจฉัยและดูแลสุขภาพ
ของลูกน้อยได้ดียิ่งขึ้น

 

 

 

carelinepic_resized2

ไฮ-แฟมิลี่ แคร์ไลน์

บริการให้คำปรึกษาในทุกๆเรื่องที่คุณแม่กังวลใจ โดยทีมผู้เชี่ยวชาญ พยาบาล นักโภชนาการและคุณแม่ ที่พร้อมอยู่เคียงข้าง ตลอด 24 ชั่วโมง

x